Loading


นายธนวงษ์ อารีรัชชกุล กรรมการผู้จัดใหญ่ ธุรกิจเคมิคอลส์ เอสซีจี เผยว่า ธุรกิจเคมิคอลส์ เอสซีจี ขับเคลื่อนนวัตกรรมเพื่อสุขภาพและการแพทย์ ล่าสุด เปิดตัว เม็ดพลาสติกมูลค่าเพิ่มสูง “เอสซีจี พีพี เมลต์โบลน” (SCG PP Melt-Blown) มาตรฐานสากล รายแรกในอาเซียน เพื่อใช้ผลิตผ้าเมลต์โบลน สำหรับอุตสาหกรรมการแพทย์ สามารถผลิตเส้นใยขนาดเล็กได้ถึง 1-5 ไมครอน เพื่อกรองอนุภาคขนาดเล็ก เช่น ฝุ่น PM 2.5 และเชื้อโรคต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่า 95% ตามมาตรฐานสากล ผ่านการทดสอบโดยสถาบันชั้นนำ สามารถนำไปผลิตชั้นกรองในหน้ากากอนามัย ช่วยลดการนำเข้า แก้ปัญหาการขาดแคลนวัสดุผลิตหน้ากากอนามัย ให้บุคลากรทางการแพทย์และประชาชนเข้าถึงอุปกรณ์การแพทย์ได้ง่ายขึ้น ช่วยส่งเสริมศักยภาพให้กับระบบสาธารณสุข และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับอุตสาหกรรมไทย พร้อมจำหน่ายเชิงพาณิชย์ และต่อยอดสู่ผลิตภัณฑ์ชนิดอืในช่วงที่ทุกประเทศทั่วโลกต้องเผชิญกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ข้อมูลจาก องค์การอนามัยโลก (WHO) พบว่า อุปกรณ์ป้องกันเชื้อโรคส่วนบุคคล (PPE) อย่างหน้ากากอนามัย หรือถุงมือ มีความต้องการสูงขึ้นถึง 100 เท่า ทำให้ประเทศต่าง ๆ จำเป็นต้องเพิ่มกำลังการผลิตหน้ากากอนามัย และมีมาตรการจำกัดหรือห้ามการส่งออก เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการใช้ในประเทศ ในส่วนของประเทศไทย ในภาวะปกติความต้องการใช้หน้ากากอนามัยของไทยอยู่ที่ประมาณ 30 – 40 ล้านชิ้นต่อเดือน แต่จากสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ทำให้ความต้องการหน้ากากอนามัยเพิ่มขึ้น 5 เท่า มีความต้องการประมาณ 200 ล้านชิ้นต่อเดือน

จากการสำรวจ พบว่า ประเทศไทยมีความต้องการใช้ผ้าเมลต์โบลน และผ้าสปันบอนด์สำหรับผลิตอุปกรณ์ทางการแพทย์มากกว่า 10,000 ตันต่อปี ซึ่งที่ผ่านมายังไม่มีการผลิตเม็ดพลาสติกชนิด พอลิโพรพิลีนเพื่อป้อนอุตสาหกรรมผ้าเมลต์โบลนภายในประเทศ จึงจำเป็นต้องพึ่งพาการนำเข้าจากต่างประเทศ เช่น จีน เกาหลี เป็นต้น ธุรกิจเคมิคอลส์ เอสซีจี จึงได้พัฒนาเม็ดพลาสติกมูลค่าเพิ่มสูง “เอสซีจี พีพี เมลต์โบลน” มาตรฐานสากล รายแรกในอาเซียน เพื่อนำไปผลิตผ้าเมลต์โบลน สำหรับอุตสาหกรรมการแพทย์ ซึ่งขณะนี้พร้อมจำหน่ายเชิงพาณิชย์ และพร้อมต่อยอดนวัตกรรมสู่ผลิตภัณฑ์ประเภทอื่น ๆ เช่น อุปกรณ์ป้องกันเชื้อโรคส่วนบุคคล (PPE) และแผ่นกรองอากาศคุณภาพสูง เป็นต้น……..00000000

ธนัญธร รวงผึ้ง

Loading

หนุ่มระยอง พนักงานส่งของบริษัท ลาซาด้า ไปงานบวชซื้อล็อตเตอรี่ภาวนาขอให้ถูกรางวัลที่ 1 เพราะตั้งใจอยากปลูกบ้านให้พ่อแม่ สมปรารถนา ถูกรางวัลที่ 1 จริงๆ รับเงิน 6,000,000 บาท

******* วันที่ 1 เมษายน 2564 เวลา 17.00 นาฬิกา ร้อยตำรวจเอก ทองดาว  โคตรหลักคำ รองสารวัตร ( สอบสวน) สถานีตำรวจภูธรเมืองระยอง ได้รับแจ้งจาก นายนักสิทธิ์  บุญสม อายุ 33 ปี บ้านเลขที่ 169/18 หมู่ 7 ตำบลบ้านค่าย อำเภอบ้านค่าย จังหวัดระยอง ทำงานเป็นพนักงาน บริษัท ลาซาด้า ส่งพัสดุ อยู่แถวๆบ้านพัก  พร้อมกับ นางสาวลักขณา เจริญรมย์ อายุ 54 ปี มารดาและครอบครัว   นำล็อตเตอรี่จำนวน 1 ใบหมายเลข 47 2270 งวดที่ 14 ชุดที่ 36 ลงวันที่ 1 เมษายน 2564 มาลงบันทึกไว้เป็นหลักฐานว่า  ถูกรางวัลที่ 1  จำนวน 1 ใบ เป็นเงิน  6,000,000 บาท

    นายนักสิทธิ์  บุญสม เล่าให้ฟังว่าล็อตเตอรี่ใบที่ถูกรางวัลที่ 1 ดังกล่าว ได้ซื้อเมื่อวันที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมา  โดยได้ไปงานบวชน้องชายที่วัดน้ำคอกเก่า ตำบลน้ำคอก อำเภอเมือง จังหวัดระยอง หลังจากออกมาจากงานบวชเสร็จแล้ว มีชาย 1 คนขับขี่รถจักรยานยนต์มาจอดและถือแผลงล็อตเตอรี่มาขายให้   ตนเองเห็นเลขล็อตเตอรี่ใบดังกล่าวเหลือ 1 ใบจึงได้ซื้อไว้ในราคา 100 บาท พร้อมกับภาวนาและพูดว่าถ้าถูกรางวัลที่ 1 จะนำเงินไปปลูกบ้านเพื่อจะได้พักอยู่กับพ่อกับแม่ ตามที่วาดฝันไว้ รู้สึกดีใจมาก   ส่วนเงินที่เหลือจะเก็บไว้ใช้ในยามจำเป็น และทำบุญอีกด้วย……0000

อนุสรณ์ บุญประเสริฐ ภาพ/ข่าว ธนัญธร รวงผึ้ง รายงาน

Loading


ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา ระยอง ยกสวนสนุกเป่าลมขนาดใหญ่ส่งตรงจากญี่ปุ่น Giant inflatableเอาใจน้องๆสายผญภัยกับด่านต่างๆมากมาย


ระเบียบการเข้าใช้บริการ
•น้องๆที่มีอายุน้อยกว่า5ปี ผู้ปกครองต้องเข้าไปดูเเลด้านในสวนสนุกด้วย•เก็บอุปกรณ์ของมีคมให้เรียบร้อยเพื่อป้องกันความเสียหายต่อเครื่องเล่น
•อัตราค่าบริการ120บาท เล่นได้30นาที สำหรับเด็ก1คน
มาตรการ•วัดอุณภูมิ ล้างมือด้วยเจลเเอลกอฮอล์ก่อนเข้าใช้บริการ
•สวมหน้ากากอนามัย
•จำกัดจำนวนผู้เล่นไม่เกิน50คนต่อรอบ
•เช็ดทำความสะอาดเครื่องเล่นทุก30นาที


เริ่มแล้วตั้งแต่วันที่ 24 มี.ค. 64 – 6 เม.ย.64 ณ ลานกิจกรรมชั้น1 เซ็นทรัลพลาซา ระยอง

Loading

หนีความวุ่นวายในกรุงเทพฯ ไปหาความสงบร่มรื่น สูดโอโซนและซึมซับความเขียวสดชื่นของป่าชายเลนที่จะช่วยเยียวยาทุกสิ่งที่ทำให้ระดับความเครียดหายไป กับการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ใกล้กรุงเทพฯ แค่นี้เอง นักท่องเที่ยวสายธรรมชาติเตรียมแพคกระเป๋าได้เลย

ป่าชายเลนปากน้ำประแส ตำบลปากน้ำประแส จ.ระยอง คือหมุดหมายปลายทางของการเดินทางของทริปนี้ ป่าแห่งนี้มีพื้นที่ 6,000 ไร่ เป็นหนึ่งในป่าชายเลนผืนใหญ่ที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดในภาคตะวันออก ซึ่งก่อนหน้านี้ถูกทำลายจากการบุกรุกของนากุ้งและการขยายตัวของชุมชนจนกลายเป็นป่าเสื่อมโทรม ในที่สุดทางราชการได้ร่วมมือกับชุนชมและเอกชนหลาย ๆ แห่ง เพื่อฟื้นฟูป่าชายเลนให้กลับมาอุดมสมบูรณ์ จนปัจจุบันกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีจุดน่าเที่ยวชมมากมาย

*********ล่าสุด ป่าชายเลนปากน้ำประแสได้รับเลือกเป็นพื้นที่ต้นแบบของโครงการอนุรักษ์ป่าชายเลนครบวงจร Dow & Thailand Mangrove Alliance ในความร่วมมือของกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง องค์การระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ (IUCN) และกลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย (Dow) ซึ่งเป็นบริษัทเอกชนที่เข้ามาปลูกป่าชายเลนร่วมกับชุมชนแห่งนี้มาอย่างต่อเนื่องนานกว่า 12 ปี โดยเน้นพัฒนาศูนย์การเรียนรู้ ส่งเสริมกลไกคาร์บอนเครดิต และการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ    การเดินชมป่าชายเลนปากน้ำประแสต้องเดินไปตามสะพานไม้ทอดยาว 2.7 กิโลเมตร ที่ใช้เป็นเส้นทางห้องเรียนศึกษาธรรมชาติ มีป้ายให้ความรู้เป็นระยะๆ สองฟากของสะพานร่มรื่นไปด้วยไม้โกงกางที่แข่งกันสูงจนกลายเป็นร่มเงาให้แก่นักท่องเที่ยว เสน่ห์อย่างหนึ่งที่ป่าบกไม่มีคือรากของต้นไม้ในป่าชายเลนที่ขึ้นอยู่เหนือน้ำทะเล  เป็นรากไม้ทำหน้าที่ค้ำยันลำต้น เหมือนคนกำลังกางแขนออก นอกจากนี้ยังมีรากที่ผุดเป็นตอขึ้นมาเหนือน้ำเพื่อดูดซับออกซิเจนไปสังเคราะห์แสง นี่คือเหตุผลที่ทำไมมาเที่ยวป่าชายเลนจึงได้รับอากาศบริสุทธิ์กว่าป่าบกหรือชายทะเล    เดินชมนกชมไม้เพลิน ๆ บางโมเม้นต์อาจจะได้ยินเสียงปลากระโดดขึ้นมาเหนือน้ำ ใช่แล้ว!! เพราะป่าชายเลนมีระบบนิเวศที่สมบูรณ์จึงมีทั้ง กุ้งหอย ปู ปลาว่ายจากทะเลเข้ามาหาอาหารที่มีอยู่ชุกชุมในป่าชายเลนรวมทั้งแอบมาวางไข่ด้วย  น้ำที่นี่ใสจนเห็นฝูงปลาแหวกว่ายไปมาได้ชัดเจน  ชาวบ้านบอกว่าถ้ามาเที่ยวในช่วงเดือนมีนาคม-กันยายน เป็นฤดูน้ำลด จะได้เห็นความงดงามแปลกตาของป่าผืนนี้เหมือนเทพนิยายที่เปลี่ยนฉากใหม่  เมื่อน้ำลดภาพความมหัศจรรย์ของรากต้นโกงกางและต้นลำพูจะลอยเห็นเด่นชัดแผ่อาณาเขตกว้างไกลสุดลูกหูลูกตากลายเป็นศิลปะความงดงามที่ธรรมชาติแต่งแต้มให้มนุษย์ได้เรียนรู้ความพิสดารของธรรมชาติจากผืนป่า

เดินเล่นเย็นสบายไปตามสะพานไม้ที่ทอดยาวคดเคี้ยวไปประมาณครึ่งชั่วโมงก็จะมาโผล่บนพื้นที่โล่งกว้าง  ในที่สุดก็มาถึงไฮไลต์ของป่าชายเลนปากน้ำประแส คือ “ทุ่งโปรงทอง” หนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของเมืองไทยที่หาดูได้ยากมาก  ปกติต้นโปรงเป็นไม้ขึ้นตามป่าชายเลนบริเวณเลนแข็ง เป็นไม้โตเร็วมีความสูงเกิน 10 เมตร มีใบเป็นสีเขียวตลอดทั้งปี แต่ไม้โปรงทองที่ขึ้นบริเวณทุ่งแห่งนี้เรียกว่าขึ้นผิดที่ผิดทาง เพราะอยู่ในบริเวณที่น้ำทะเลท่วมไม่ถึง จึงมีธาตุอาหารน้อย ความชื้นน้อย เลยทำให้ลำต้นแคระแกรนใบออกสีเหลืองตลอดทั้งปี  พื้นที่ปลูกต้นโปรงแดงนี้ประมาณ 100 กว่าไร่ จึงกลายเป็นภาพของต้นโปรงที่อวดใบเหลืองสีทองเต็มทุ่งอย่างสวยงามตลอดทั้งปี  มุมนี้มีศาลาไม้ยกสูงให้เป็นจุดชมวิว 360 องศาและแชะภาพสวย ๆ เก็บไว้เป็นที่ระลึกอีกด้วย

********มาเที่ยวประแสให้ครบเครื่องต้องเช่าเรือลัดเลาะไปตามชายฝั่งเพื่อชมธรรมชาติและความอุดมสมบูรณ์ของป่าชายเลน ชมนกหลากหลายสายพันธุ์ และกำแพงไม้ไผ่ดูแปลกตาที่ทอดยาวตลอดแนวคลองแสมผู้ ตั้งแต่มีการฟื้นฟูป่าชายเลนและพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยว  ชาวบ้านชาวประแสก็ใช้เวลาว่างส่วนหนึ่งมาออกเรือพานักท่องเที่ยวชมความงามของป่าชายเลนหารายได้พิเศษให้ครอบครัว  เรือหางยาว 1 ลำบรรทุกนักท่องเที่ยวได้ 7 คน  จ่ายคนละ 100 บาท ใช้เวลาประมาณ 1-2 ชั่วโมง เปิดให้บริการตั้งแต่ 6.00 – 17.00 น.

 ลุงชมชาย ไกแก้ว เจ้าของเรือเช่าเล่าถึงเส้นทางที่จะพานักท่องเที่ยวไปชมธรรมชาติ  พาไปดูนกหลากหลายสายพันธุ์  ผ่านบ้านโบราณอายุ 100 ปีของลุงสนาน  เข้าทุ่งโปรงทอง ผ่านศาลสมเด็จกรมหลวงชุมพรฯ อนุสรณ์เรือรบหลวงประแส คนขับเรือส่วนมากใจดีนักท่องเที่ยวต้องการขึ้นบกไปชมอะไรก็จะแวะให้ตลอดเส้นทาง     

********ด้วยความอุดมสมบูรณ์ของป่าชายเลนทำให้ชาวชุมชนที่นี่มารายได้จากทำประมงเลี้ยงตัวได้ตลอดทั้งปี ถ้าหน้าน้ำขึ้นชาวบ้านจะปักหลักไม้ไผ่ตามชายฝั่งเพื่อเลี้ยงหอยนางรมสร้างรายได้ปีละเป็นหลักแสนบาท รวมถึงหน้าน้ำมีตัวเคยชุกชุม ใครขยันก็เอายอมาดักจับเคยไปขายเพื่อทำกะปิ ซึ่งกะปิจากตัวเคยให้รสชาติที่อร่อยจนกลายเป็นสินค้า OTOP อันเลื่องชื่อของชุมชนประแส จ.ระยอง

 ชาวบ้านเล่าว่าพอถึงช่วงน้ำลดเหล่าฝูงปูก็ออกจากรูมาเริงร่าตามดินเลนต้อนรับนักท่องเที่ยว  ส่วนชาวบ้านก็จับคราดหาหอยแครง หอยตลับ จับปูดำ ปูแสม นำมาต้มแล้วตำพริกเกลือไว้จิ้มกิน จับได้มากก็นำไปขาย เรียกได้ว่าความอุดมสมบูรณ์ของป่าชายเลนกลายเป็นเส้นเลือดใหญ่ที่หล่อเลี้ยงชุมชนให้มีอาชีพมั่นคง สุดแต่ว่าใครขยันก็หารายได้ได้มากขึ้น     กว่าจะจบกิจกรรมเดินป่าเวลาก็เดินมาถึงตอนเที่ยงแล้ว  มาถึงประแสถ้าไม่แวะกินอาหารที่ร้านเจ๊หน่องแซบเว่อร์ ถือว่ายังมาไม่ถึงประแสอย่างถึงแก่น ร้านเจ๊หน่องแซบเว่อร์ ตั้งอยู่ในชุมชนบ้านเก่าริมน้ำประแส ซึ่งเป็นชุมชนริมทะเลเก่าแก่อายุเกือบร้อยปี มาเดินที่ชุมชนนี้เหมือนย้อนยุคกลับไปสัก 50 ปีที่แล้ว  เพราะบ้านแต่ละหลังเป็นเรือนแถวไม้เก่าๆ ดำรงอาชีพแบบเดิม ๆ มาตั้งแต่บรรพบุรุษบ้านเรือนตั้งอยู่สองฟากถนนที่ทอดไปสุดทางที่ท่าเรือ   ร้านเจ๊หน่องไม่เพียงแต่อาหารอร่อยเท่านั้น  แต่ที่นี่เน้นใช้วัตถุดิบที่มีเฉพาะที่ปากน้ำประแสมาปรุงเป็นอาหารจานเด็ด  เรียกว่าอยากรู้ว่าที่นี่มีของดีอะไร มาร้านนี้ได้กินครบ อาทิ ข้าวผัดประแสใช้ซีฟู้ดเช่น กุ้ง หมึก ปู ปลาที่ชาวประมงพื้นบ้านจับได้สดๆ วันต่อวัน ทีเด็ดของเมนูนี้คือใส่ตัวเคย  ของดีตามธรรมชาติจากป่าชายเลนประแสที่มีชุกมาก ชาวบ้านยกยอเคยสด ๆ ก็นำมาส่งให้ร้านเจ๊หน่องบ้าง นำไปทำกะปิเคยบ้าง ทำข้าวเกรียบเคยบ้าง

ทอดมันปลาเนื้อเหนียวรสชาติจัดจ้านแบบไม่ง้อน้ำจิ้ม เจ๊หน่องใช้เนื้อปลาสากเป็นปลาที่มีชุกชุมในท้องถิ่น  ซึ่งทอดมันนี้ต้องกินคู่กับข้าวผักประแสถึงได้จะครบรสความอร่อยของท้องทะเลแห่งนี้  อีกเมนูที่ควรสั่งมากินคือ หมึกกะตอยผัดน้ำดำ เป็นหมึกกระตอยที่จับสด ๆ มาจากทะเลรสหวานกรอบเพราะไม่แช่น้ำ, แกงส้มผักกระชับ ซึ่งเป็นผักท้องถิ่นหารับประทานได้เฉพาะที่ระยอง ปัจจุบันแหล่งปลูกใหญ่อยู่ที่ทะเลน้อย ไม่ไกลจากประแส ร้านเจ๊หน่องนำผักกระชับมาทำถึง 4 เมนูคือแกงส้ม ยำ ผัดน้ำมันหอยและชุบแป้งทอด     จบอาหารคาวต้องปิดท้ายมือกลางวันแสนอร่อยด้วยเมนูห้ามพลาดคือ วุ้นใบขลู่ในกะลา ซึ่งใบขลู่คือพรรณไม้จากป่าชายเลนขึ้นชื่อของที่นี่ เจ๊หน่องนำชาใบขลู่ที่มีกลิ่นหอมมาทำเป็นวุ้นแล้วใส่ลงใน “ขนมกะลา”ที่ทำจากมะพร้าวเคี่ยวกับน้ำตาลแล้วขึ้นรูปเป็นกะลา ซึ่งเป็นขนมหวานโบราณของชาวประแส       อิ่มกันจนพุงกางแล้วก็เดินเล่นกันต่อในชุมชน  แวะทำหมอนสัตว์ทะเลกับชมรมบ้านเก่าริมน้ำประแส ทำง่าย ๆ เพราะมีแพทเทิร์นให้เรียบร้อย ทำไม่เป็นมีพวกกลุ่มแม่บ้านคอยสอน หรือใครจะซื้อหมอนรูปสัตว์ทะเลเป็นของฝากติดมือกลับบ้านก็ได้ นอกจากนี้ชาวบ้านริมน้ำยังทำของฝากที่ได้จากทะเล เช่น กะปิโฮมเมดที่ทำจากเคย ปลากุเลาเค็ม เคยแห้ง ปลาแห้ง เป็นต้น

***********กิจกรรมยังมีให้สนุกกันต่อ  นั่งรถสามล้อเครื่องไปบ้านลุงชะโลม วงศ์ทิม วิสาหกิจชุมชนชาใบขลู่และการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์  ชิมชาใบขลู่ร้อน ๆ กลิ่นหอมอ่อน ๆ จิบแล้วชื่นใจมาก ลุงชะโลมเล่าเรื่องที่มาของชาใบขลู่ว่าเป็นสมุนไพรท้องถิ่นซึ่งเป็นภูมิปัญญาสืบทอดมาจากรุ่นสู่รุ่น  เป็นพืชที่ขึ้นอยู่ตามธรรมชาติในป่าชายเลน แล้วลุงชะโลมก็นำมาต่อยอดพัฒนาชาใบขลู่ให้มีคุณภาพดีขึ้น สะอาดถูกหลักอนามัย  ในบ้านลุงชะโลมยังมีสมาชิกวิสาหกิจมาสาธิตการทำชาใบขลู่ให้ชมอีกด้วย ชาใบขลู่มีสรรพคุณทางยา อาทิ  ลดไขมันในเส้นเลือด บรรเทาเบาหวานและขับปัสสาวะ เป็นต้น ใครไปเที่ยวก็อย่าลืมอุดหนุนชาใบขลู่ของลุงชะโลมเป็นของฝากจากประแส ที่นอกจากมีประโยชน์แล้วยังเป็นการช่วยชุมชนให้มีรายได้อีกด้วย


*********อีกไฮไลต์ปิดท้ายเที่ยวป่าชายเลนปากน้ำประแสที่ห้ามพลาดเด็ดขาดคือนั่งแพเปียกไปให้อาหารเหยี่ยวแดง  พวกเรามานั่งดื่มน้ำเย็น ๆ รอเวลาลงเรืออยู่ที่บ้านชานสมุทรซึ่งเป็นโฮมสเตย์ ร้านกาแฟ และที่ลงแพเปียกด้วย  ควรรอเวลาแดดร่มลมตกประมาณ 4 โมงเย็นถึงออกเรือจะได้ไม่ร้อนมากได้เวลาเดินทางกันแล้ว แพแล่นช้า ๆ ไปตามชายฝั่งดูบ้านเรือนและวิถีชีวิตของคนประแสที่นอกจากจะมีอาชีพประมงแล้ว  ชาวประแส   ยังเก่งเรื่องต่อเรือและซ่อมเรืออีกด้วย เก่งขนาดรับจ้างต่อเรือลำใหญ่ ๆ ให้ต่างชาติไปแล้วหลายลำ เวลาแพแล่นผ่านไปจึงเห็นอู่ต่อเรือหลายแห่งที่มีเรือจอดไว้เป็นจำนวนมากสลับกับบางบ้านที่แปลงมาเป็นเกสต์เฮ้าส์ต้อนรับนักท่องเที่ยวที่เริ่มรู้จักประแสมากขึ้น ดูเพลิน ๆ แพก็พาออกไปถึงปากน้ำที่มีป่าชายเลนหนาแน่นมากเห็นเป็นแนวสีเขียวยาวสุดขอบฟ้าตัดกับน้ำทะเลและท้องฟ้าสดใส มาถึงจุดนี้แพก็จอดนิ่ง ๆ ปล่อยให้พวกเราดื่มด่ำกับบรรยากาศอันสวยงามของป่าชายเลนสักพักก่อน    แล้วก็ได้เวลาดินเนอร์ของฝูงเหยี่ยวแดงกันแล้ว ลุงขับแพหยิบนกหวีดขึ้นมาเป่าเสียงแหลมกรีดดังไปทั่วคุ้งน้ำ  สักพักก็ได้ยินเสียงขานรับของเหยี่ยวแดงนกประจำถิ่นที่หลบอยู่ในป่าชายเลน ส่งสัญญาณคุยกันสักพักเหยี่ยวแดงฝูงใหญ่ก็บินปรากฏขึ้นเต็มท้องฟ้า  ลุงขับแพจะโยนอาหารคือ”มันเปลว” ลงไปในน้ำเพื่อให้เหยี่ยวแดงบินโฉบมากิน  หรือถ้าใครอยากจะลองให้อาหารเหยี่ยวแดงก็ได้เพราะเหยี่ยวแดงจะเชื่องมากแต่ไม่บินมาใกล้คน      เสร็จจากให้อาหารเหยี่ยวแดงแล้วยังเหลือเวลาให้นักท่องเที่ยวได้ลงเล่นน้ำรอบ ๆ แพเพื่อรอเก็บภาพสวย ๆ ตอนพระอาทิตย์ตกดิน เป็นการปิดทริปด้วยภาพแสนโรแมนติก

*********ปากน้ำประแส สามารถเที่ยวแบบมาเช้าๆ กลับค่ำๆ ได้ หรือจะค้างโฮมสเตย์ก็ได้ใช้ชีวิตช้าๆ สูดอากาศดีๆ จนเต็มปอด นอกจากนี้ เพียงนั่งเรือจากปากน้ำประแสออกทะเลไปเพียง 40 นาที ก็จะได้พบกับ เกาะมันใน เกาะมันกลาง และ เกาะมันนอก ที่มีหาดทรายขาวสะอาด และน้ำทะเลสีฟ้าใส วันหยุดนี้อยากให้ลองมาพักกาย พักใจ สูตรอากาศดีๆ แลวิธีชีวิตชุมชนที่ปากน้ำประแส อ. แกลง จ. ระยอง

Loading

นายสิทาพัฒน์ เหลืองอร่ามศรี ผู้จัดการส่วนอาชีวอนามัยความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อมบริษัทไทยโพลิเอททีลีน จํากัด ในธุรกิจเคมิคอลส์ เอสซีจี มอบทุนการศึกษาให้กับเยาวชนที่เขียนเรียงความในหัวข้อ “น้ำ พื้นที่ชุ่มน้ำ และชีวิต” มูลค่า 30,000 บาท โดยนายวัชนะ บุญชัย หัวหน้าสวนพฤกษศาสตร์ระยอง เป็นผู้รับมอบ และร่วมกันปลูกต้นไม้ ณ สวนพฤกษศาสตร์ระยอง


ซึ่ง ธุรกิจเคมิคอลส์ เอสซีจี ได้ร่วมสนับสนุนงานวันพื้นที่ชุ่มน้ำโลก จังหวัดระยอง ประจำปี 2564 (The World Wetlands Day 2021) พื้นที่ชุ่มน้ำบึงสำนักใหญ่ อ.แกลง จ.ระยอง โดยได้นำจิตอาสาทั้งพนักงานและชุมชนรอบโรงงานร่วมกิจกรรมปลูกต้นไม้เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับพื้นที่ชุ่มน้ำ พร้อมมอบทุนการศึกษาให้กับเยาวชนที่เขียนเรียงความในหัวข้อ “น้ำ พื้นที่ชุ่มน้ำ และชีวิต” รวมมูลค่า 30,000 บาท เพื่อรณรงค์ให้เยาวชนและชุมชนในท้องถิ่นได้ตระหนักถึงความสำคัญของพื้นที่ชุ่มน้ำ ซึ่งเป็นแหล่งกักเก็บก๊าซคาร์บอนขนาดใหญ่ ที่ช่วยลดปัญหาโลกร้อนและภาวะฉุกเฉินด้านภูมิอากาศ (Climate Emergency) .0000

ธนัญธร รวงผึ้ง

Loading

แม่พาลูกชายวัย 17 ปี ร้อง มูลนิธิปวีณา หงสกุล เพื่อเด็กและสตรี ว่าลูกชายหนีออกจากสถานพินิจมาหาแม่เพราะทนไม่ไหวหลังถูกพ่อบ้านเตะ จนอาเจียนเป็นเลือด หายใจติดขัด ได้กินข้าวแค่วันละมื้อ
เมื่อเวลา 12.30 น.วันที่ 30 มี.ค.นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิ ปวีณาฯ เดินทางมาที่โรงพยาบาลระยอง เพื่อเข้าเยี่ยมอาการป่วยของ นายต้อง (นามสมมุติ) อายุ 17 ปี (เสื้อยืดแขนยาวสีเทา) เยาวชนที่หลบหนีออกจากสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดระยอง ตั้งอยู่ตำบลเนินพระ อำเภอเมือง ระยอง เพื่อกลับไปหาแม่ หลังถูกพ่อบ้านประจำหอเตะเข้าที่บริเวณหน้าอก ทำติดต่อกัน 2 วัน จนมีอาการอาเจียนเป็นเลือด หายใจติดขัด ซึ่งนางปวีณา ได้เข้าพูดคุยกับนายต้อง และนางตา (เสื้อสีแดง) มารดา ใน รพ.ระยอง โดยนายต้อง ยืนยันว่าถูกทำร้ายจริง ทางแม่ ก็มั่นใจว่าลูกชายถูกทำร้าย จึงขอความเป็นธรรม

นางปวีณา หงสกุล กล่าวว่า หลังรับเรื่องได้ประสานไปยังนางสาว นพพนา เจริญธรรม หัวหน้าบ้านพักเด็กและเยาวชนจังหวัดระยอง ให้พานายต้อง ไปตรวจร่างกายที่ รพ.ระยอง โดยประสานกับนายแพทย์ไชยสิทธิ์ เทพชาตรี ผอ.รพ.ระยอง พบว่าผลตรวจนายต้อง มีเลือดออกในช่องท้อง และน้ำย่อยกัดกระเพาะทำให้กระเพาะเป็นแผล จึงให้รักษาตัวอยู่ใน รพ.ระยอง เบื้องต้น นางปวีณา ประธานมูลนิธิฯ ได้ประสานไปทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมือง ระยอง ให้พานายต้อง ไปสอบสวนต่อหน้าสหวิชาชีพ และจะให้ความเป็นธรรมกับเรื่องที่เกิดขึ้น ผิดถูกเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม ซึ่งก็ได้ประสานไปยังกระทรวงยุติธรรมแล้ว ทางกระทรวงยุติธรรมก็ได้สั่งให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว


ด้านนางลักษณเลิศ นันทิพานิชย์ ผู้อำนวยการสถานพินิจ ได้กล่าวว่า เกี่ยวกับเรื่องที่ทางเยาวชนร้องเรียนว่าถูกพ่อบ้านทำร้าย ทางสถานพินิจฯได้มีการตรวจสอบเบื้องต้นแล้ว พร้อมตรวจสอบกล้องวงจรปิด ในจุดห้องแรกรับที่ นายต้อง กล่าวอ้างว่า ถูกซ้อม ในวันที่ 2-3 มี.ค.ที่ผ่านมา ก็ยังไม่พบเหตุการณ์ตามที่ถูกกล่าวหา ทางสถานพินิจฯ ยินดีให้ตรวจสอบ จะได้รู้ว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร
ธนัญธร รวงผึ้ง

Loading


เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 30 มี.ค. นายนันทิยะ ดารกานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วินเนอร์ยี่ เมดิคอล จำกัด (มหาชน) ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์เครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์เพื่อการเก็บรักษาโลหิตและผลิตภัณฑ์ของโลหิตเพื่อการวิเคราะห์ ที่โรงแรมคามิโอ อ.เมือง ระยอง
นายนันทิยะ ดารกานนท์ กล่าวว่า บริษัท วินเนอร์ยี่ เมดิคอล จำกัด (มหาชน) เป็นผู้นำเข้าและจำหน่ายชุดตรวจเพื่อการวิเคราะห์ วินิจฉัย หรือ บำบัดรักษา รวมถึงเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งนำเข้าจากผู้ผลิตชั้นนำในต่างประเทศ อีกทั้งเป็นตัวแทนของบริษัทผู้ให้บริการตรวจวินิจฉัยด้านพันธุศาสตร์จากต่างประเทศ สำหรับให้บริการตรวจสายพันธุกรรมและความผิดปกติของทารกในครรภ์ นอกจากนี้ยังมีบริษัทย่อยประกอบธุรกิจจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ในวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี ที่เกี่ยวกับสุขภาพและสุขอนามัย เช่น เครื่อบงดักจับยุง และแมลงดูดเลือด และชุดกำจัดกากสารเคมีและชีวภาพหกปนเปื้อน


ด้านนายสมศักดิ์ ศิริชัยนฤมิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทมุ่งเน้นที่จะต่อยอดการให้บริการผลิตภัณฑ์ด้านการแพทย์และก้าวขึ้นเป็นผู้นำมีแผนดำเนินการโครงการพัฒนาตลาดและผลิตภัณฑ์การเก็บตัวอย่างเพื่อหาเชื้อไวรัส HPV ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ก่อให้เกิดมะเร็งปากมดลูก ที่ผู้หญิงสามารถเก็บตัวอย่างได้ด้วยตัวเองที่บ้าน รวมถึงสร้างหอปฏิบัติการตรวจวิเคราะห์ทางการแพทย์ เพื่อวิเคราะห์เชื้อในระดับชีวโมเลกุลอัตโนมัติ เพื่อรักษาด้วยเซลบำบัด ซึ่งเป็นวิธีรักษาโรคมะเร็งต่างๆ ในยุโรป อเมริกา และญี่ปุ่นมานานกว่า 5 ปี โดยประเทศไทยได้นรำมาเริ่มใช้รักษาผู้ป่วยมะเร็งเต้านมที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ตั้งแต่ปี 2563 ซึ่งการก่อสร้างแล้วเสร็จจะเปิดให้บริการในโรงพยาบาลของรัฐ และโรงพยาบาลเอกชนในปี 2565…….0000

ธนัญธร รวงผึ้ง

Loading

  เวลา 09.30 น.  วันที่ 29 มี.ค.  นายสุพรรณ หารธุจิต ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาระยอง เขต 1 เป็นประธานพิธีวันเปิดบ้านวิชาการ ECO  Love Day และโครงการ โรงเรียนสุขภาพดี วิถีเกษตรอินทรีย์  โดยมี นางสุภาวดี  ปิติทานันท์  ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดกรอกยายชา  นายรัตนไกร  ตันศรีวงษ์  ปศุสัตว์จังหวัดระยอง  นายอดิศร  วังมูล ผู้อำนวยการสายงานบริหารและองค์กรสัมพันธ์ บ.บีแอลซีพี เพาเวอร์ จำกัด เจ้าหน้าที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น  นักเรียน  ประชาชน ร่วมพิธี ที่ โรงเรียนวัดกรอกยาชา  ต.เนินพระ  อ.เมือง จ.ระยอง 

    นางสุภาวดี  ปิติทานันท์   ผ.อ.โรงเรียนวัดกรอกยายชา  กล่าวว่า โครงการ “โรงเรียนสุขภาพดี วิถีเกษตรอินทรีย์” เป็นโครงการนำร่องที่โรงเรียนวัดกรอกยายชา เป็นแห่งแรก และได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ วิทยาลัย เทคนิคมาบตาพุด วิทยาลัยสารพัดช่างระยอง เทศบาลตำบลเนินพระ และปศุสัตว์ระยอง     เพื่อให้นักเรียนมีทักษะและความรู้รอบด้าน ไม่ใช่เก่งแต่เพียงภาคทฤษฎีในห้องเรียนเท่านั้น แต่ยังต้องเชี่ยวชาญการปฏิบัติ ส่งผลให้เกิดทักษะการทำงาน ทักษะอาชีพ ตลอดจนทักษะการดำเนินชีวิตโดยยึดหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ตามรอยพ่อหลวงรัชกาลที่ 9  มีฐานการเรียนรู้จำนวน 5 ฐาน คือ ฐานระบบน้ำ แผงโซล่าเซลล์ สวนกล้วย และแปลงผัก  ฐานไก่อารมณ์ดี  ฐานระบบบ่อดักไขมัน  ฐานโดมแปลงผักบุ้งกางมุ้ง และ ฐานการผลิตปุ๋ยอินทรีย์จากใบไม้ โดยมี บริษัท บีแอลซีพี  จำกัด มาถ่ายทอดความรู้ที่สามารถนำไปใช้ได้จริง เช่น การบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการทำแปลงเกษตร  พัฒนาระบบน้ำ แผงโซล่าเซลล์ การพัฒนาสวนกล้วยและแปลงผัก รวมทั้งได้ขยายพื้นที่โรงเลี้ยงไก่ไข่อารมณ์ดี ลดความแออัด ให้ได้ไข่ที่มีคุณภาพ มีประโยชน์ทางโภชนาการสูง จัดทำระบบบ่อดักไขมันที่มีประสิทธิภาพในการจัดการน้ำเสีย รวมไปถึงโดมแปลงผักกางมุ้ง และการผลิตปุ๋ยอินทรีย์จากใบไม้  เป็นการใช้พื้นที่ให้เป็นประโยชน์สูงสุด เพื่อการพัฒนาสู่ความยั่งยืน และให้นักเรียนนำองค์ความรู้ที่ได้ไปต่อยอดเพื่อเป็นอาชีพเสริมต่อไป…..00000

ธนัญธร รวงผึ้ง

Loading

เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2564 คุณภัทรลดา สง่าแสง รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการเงินและบัญชี พร้อมด้วย คุณชนมาศ ศาสนนันทน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สังกัดรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มงานการเงินและการบัญชี ปตท. และคุณอรชร อุยยามะพันธุ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่สายการเงิน ปตท.สผ. เข้าร่วมงาน “พลิกโฉมตลาดทุนไทยไปสู่ตลาดทุนดิจิทัล : เปิดตัว Digital Infrastructure ภายใต้ SANDBOX ก.ล.ต.” เพื่อแสดงเจตนารมณ์ของ กลุ่ม ปตท. ในฐานะผู้เข้าร่วมพัฒนาระบบในการออกและเสนอขายหุ้นกู้สกุลเงินบาท ผ่านโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล (Digital Infrastructure) ที่จะปรับเปลี่ยนการทำธุรกรรมในตลาดทุนให้เป็นดิจิทัลทั้งหมด เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความโปร่งใส่ รวมถึงสอดคล้องกับนโยบายรัฐในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล ณ โรงแรม ดิ แอทธินี โฮเทล แบงค็อก นับเป็นการเสริมความแข็งแกร่งขององค์กรจากภายใน พร้อมรับการต่อยอดการพัฒนาธุรกิจและตลาดทุนในอนาคต

ในงานเปิดตัวครั้งนี้ซึ่งจัดโดย สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้รับเกียรติจาก คุณอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานเปิดงานและกล่าวปาฐกถาพิเศษเรื่อง การพัฒนาตลาดทุนดิจิทัล ทั้งนี้ ยังมีผู้ออกหุ้นกู้ ธนาคาร และบริษัทหลักทรัพย์ เข้าร่วมงาน เพื่อร่วมกันผลักดันให้ตลาดทุนไทยก้าวไปสู่ยุคดิจิทัลและเติบโตอย่างยั่งยืน

ธนัญธร รวงผึ้ง

Loading

HMC…โครงการธนาคารปูไข่ ประจำปี 2564 (การรับซื้อและรับบริจาคแม่ปูไข่นอกกระดอง ครั้งที่ 3/64)     

บริษัท เอ็ชเอ็มซี โปลีเมอส์ จำกัด  ดำเนินโครงการธนาคารปูไข่ ปีที่ 4 ร่วมกับกลุ่มประมงเรือเล็กตากวน-อ่าวประดู่และกลุ่มประมงเรือเล็กปากคลองตากวน   จัดกิจกรรมต่อเนื่อง “รับซื้อแม่ปูไข่นอกกระดอง”  สัปดาห์ที่ 2 ของเดือน ณ ที่ทำการกลุ่มประมงเรือเล็กตากวน-อ่าวประดู่  เพื่อเพิ่มการหมุนเวียนทรัพยากรปูในท้องทะเลด้วยการอนุรักษ์แม่ปูไข่นอกกระดองให้สามารถแพร่พันธุ์ได้อย่างต่อเนื่อง  ซึ่งจะนำแม่ปูไข่ไปปล่อยในแพกระชังของโครงการฯ  ให้เขี่ยไข่เองตามธรรมชาติ  เพื่อเป็นการเพิ่มปริมาณปูในท้องทะเล  ทำให้ชาวประมงสามารถจับปูได้ในพื้นที่ของตนเองไม่ต้องออกเรือไปนอกพื้นที่  ทั้งนี้แม่ปูที่เขี่ยไข่แล้วสามารถนำกลับมาขายเพื่อเป็นรายได้หมุนเวียนของธนาคารปูไข่ต่อไป โดยจัดขึ้นวันที่ 13 มีนาคม 2564 ที่ผ่านมา

ธนัญธร รวงผึ้ง