Loading

ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง เชิญพวงมาลาหลวงพระราชทานวางหน้าหีบศพพระครูวิจิตรธรรมภิรัต(หลวงพ่อเชย) เจ้าอาวาสวัดละหารไร่ จ.ระยอง

เมื่อเวลา 17.00 น.วันที่ 28 ก.ย.ที่วัดละหารไร่ ต.หนองละลอก อ.บ้านค่าย จ.ระยอง พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์ และพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ โปรดให้ นายชาญนะ เอี่ยมแสง ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง เชิญพวงมาลาหลวงไปวางที่หน้าหีบศพพระครูวิจิตรธรรมาภิรัต(หลวงพ่อเชย ชยธมโม) เจ้าอาวาสวัดละหารไร่ อดีตเจ้าคณะตำบลหนองละลอก ซึ่งมรณภาพด้วยโรคชรา ที่โรงพยาบาลสมิติเวช กรุงเทพมหานคร เมื่อเวลา 14.46 น.วันศุกร์ที่ 24 กันยายน 2564 ที่ผ่านมา สิริอายุ 79 ปี 58 พรรษา โดยในโอกาสนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง ยังได้เป็นประธานพิธีสวดอภิธรรมบำเพ็ญกุศลศพพระครูวิจิตรธรรมาภิรัตในนามของจังหวัดระยองที่เป็นเจ้าภาพด้วย

สำหรับประวัติ พระครูวิจิตรธรรมาภิรัตนั้น เกิดในสกุล วงศ์รัตนเพชร เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2485 ที่บ้านเลขที่ 132 ม.1 ต.หนองบัว อ.บ้านค่าย จ.ระยอง เข้ารับการอุปสมท เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2507 ที่พัทธสีมา วัดละหารไร่ มีพระครูวิจิตรธรรมานุวัตร(หลวงพ่อลัด) วัดหนองกระบอก เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอธิการสิน ภัททาจาโร วัดละหารใหญ่ เป็นกรรมวาจาจารย์ และพระอธิการสาคร มนุญโญ วัดหนองกรับ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ มุ่งมั่นศึกษาพระปริยัติธรรม แผนกธรรม จนสอบได้นักธรรมชั้นตรี-โท-เอก ตามลำดับ และเป็นศิษย์ที่หลวงปู่ทิม เกจิชื่อดังเมืองระยองไว้วางใจให้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดละหารไร่ สืบต่อมาจนถึงปัจจุบัน

ทั้งนี้ พระครูวิจิตรธรรมาภิรัต ได้สร้างความเจริญให้กับวัดละหารไร่เป็นอย่างมาก ทั้งด้านศาสนสถาน รวมทั้งส่งเสริมการศึกษาจนเป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของของพุทธศาสนิกชนทั่วสารทิศ.

Loading

สมาคมความปลอดภัยในการทำงานจังหวัดระยอง และภาคีเครือข่ายความปลอดภัยในการทำงาน สนับสนุนข้าวกล่อง เป็นกำลังเจ้าหน้าที่และบุคลากรทางแพทย์ปฏิบัติหน้าที่ตรวจหาเชื้อโควิด-19 จุดตรวจตลาดเนินอุไร สวนศรีเมืองระยอง

เมื่อวันที่ 28 ก.ย.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสุรศักดิ์ ซ่อนกลิ่น นายกสมาคมความปลอดภัยในการทำงานจังหวัดระยอง ได้ร่วมกับศูนย์ความปลอดภัยในการทำงาน เขต 2 ชลบุรี กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน และภาคีเครือข่ายความปลอดภัยในการทำงาน ได้สนับสนุนข้าวกล่องจำนวนหนึ่ง เป็นกำลังเจ้าหน้าที่และบุคลากรทางแพทย์ที่ปฏิบัติหน้าที่ตรวจหาเชื้อโควิด-19 และประชาชนทั่วไปที่มารับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ที่จุดตรวจตลาดเนินอุไร สวนศรีเมืองระยอง ต.ท่าประดู่ อ.เมืองระยอง ทั้งนี้เพื่อเป็นกำลังใจให้เจ้าหน้าที่และบุคลากรทางแพทย์ที่ปฏิบัติหน้าที่ยังจุดตรวจหาเชื้อโควิด-19 ดังกล่าว

นายสุรศักดิ์ ซ่อนกลิ่น นายกสมาคมความปลอดภัยในการทำงานจังหวัดระยอง กล่าวว่า สมาคมความปลอดภัยในการทำงานจังหวัดระยอง ได้ร่วมภาคีเครือข่ายฯ ได้นำข้าวกล่องจำนวนหนึ่ง ไปมอบให้กับเจ้าหน้าที่และบุคลากรทางแพทย์ ที่ปฏิบัติหน้าที่ด่านหน้าตรวจหาเชื้อโควิด-19 แก่ประชาชน ทั้งนี้เพื่อเป็นกำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่จุดตรวจหาเชื้อบริเวณดังกล่าว ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ด้วยความทุ่มเทในการต่อสู้กับไวรัสโควิด-19 อย่างเต็มที่ โดยได้มีการสนับสนุนข้าวกล่องแก่เจ้าหน้าที่ทุกวันระหว่างวันที่ 18 ก.ย.-2 ต.ค.นี้

อย่างไรก็ตามทางสมาคมความปลอดภัยในการทำงานจังหวัดระยอง และเครือข่ายฯ ได้มีการแบ่งปันน้ำใจ เพื่อช่วยต่อสู้โควิด-19 ดังกล่าวเรื่อยมา โดยเฉพาะนำข้าวของเครื่องใช้ เครื่องอุปโภค บริโภคที่จำเป้นในชีวิตประจำวัน ทั้งข้าวสารอาหารแห้ง อาหารกระป๋อง ยาสีฟัน และข้าวกล่อง ไปแจกจ่ายประชาชนในตลาดสด และแคมป์คนงาน เป็นต้น ทั้งนี้เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายแก่ประชาชน แรงงาน และเป็นกำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่ด่านหน้าในช่วงโควิด-19 แพร่ระบาดนี้.

Loading

ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง นำหัวหน้าส่วนราชการ ยืนตรงเคารพธงชาติ เนื่องในวันธงชาติไทย ประจำปี 2564

เมื่อเวลา 08.00 น.วันที่ 29 ก.ย.64 ที่บริเวณหน้าเสาธงชาติไทย ศูนย์ราชการจังหวัดระยอง อ.เมืองระยอง จ.ระยอง นายชาญนะ เอี่ยมแสง ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง นำหัวหน้าส่วนราชการจังหวัดระยอง และข้าราชการส่วนราชการต่าง ของจังหวัดระยอง ยืนตรงเคารพธงชาติ และชักธงชาติไทยขึ้นเสาพร้อมร้องเพลงชาติไทยพร้อมกัน
ทังนี้สืบเนื่องจาก ครม.ได้เห็นชอบกำหนดให้วันที่ 28 กันยายนของทุกปี เป็นวันพระราชทานธงชาติไทย(Thai National Flag Day) เพื่อเป็นการสร้างความภาคภูมิใจของคนในชาติ และเป็นการน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ทรงพระราชทานธงไตรรงค์เป็นธงชาติไทย….000

Loading

 รมช.สธ.เปิดอาคาร รพ.ระยอง สาขาเกาะหวายแห่งที่ 3 ของจังหวัด เป็นศูนย์อาชีวเวชศาสตร์และคลินิกครอบครัว ให้บริการประชาชนในพื้นที่ลดการแออัดของ รพ.ระยอง

       เมื่อวันที่ 27 ก.ย.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ดร.สาธิต ปิตุเตชะ รมช.สธ.เดินทางไปเป็นประธานเปิดอาคาร รพ.ระยอง สาขาเกาะหวาย ต.เชิงเนิน อ.เมือง จ.ระยอง มี นายยุทธพล องอาจอิทธิชัย รอง ผวจ.ระยอง นพ.สุนทร เหรียญภูมิการกิจ  สสจ.ระยอง นพ.ไชยสิทธิ์ เทพชาตรี ผอ.รพ.ระยอง ร่วมเป็นเกียรติ ภายในงานมีพิธีสงฆ์ เพื่อความเป็นสิริมงคล ก่อนจะมีการพิธีเปิดป้ายอาคารอย่างเป็นทางการ และลงนาม MOU รับมอบรถเก็บตัวอย่างชีวนิรภัยด้วย

       นพ.ไชยสิทธิ์ กล่าวว่า ปัจจุบันที่ รพ.ระยอง มีผู้เดินทางมารับบริการประมาณวันละ 2,500 คน มีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อยๆ สร้างความแออัดและระยะเวลารอรับการรักษาเป็นอย่างมาก และยังมีพื้นที่จอดรถสำหรับผู้มารับบริการค่อนข้างจำกัด ประกอบกันนโยบายบัตรทองรักษาทุกโรค ที่เอื้อให้ประชาชนสามารถตัดสินใจไปใช้บริการได้สะดวกมากขึ้น ดังนั้นที่ผ่านมา รพ.ระยอง จึงได้เปิด รพ.ระยอง สาขาตะพง สาขาเนินพระ และสาขาเกาะหวายแห่งนี้ในลำดับต่อมา ซึ่งอาคารแห่งนี้ยังเป็นที่ตั้งศูนย์อาชีวเวชศาสตร์และคลินิกครอบครัวเกาะหวาย เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชน เพื่อลดความแออัดและเพิ่มศักยภาพในการจัดบริการเพื่อให้ประชาชนเข้าถึงการบริการได้สะดวกยิ่งขึ้น โดย รพ.ระยอง สาขาเกาะหวายแห่งนี้ เริ่มเปิดบริการตั้งแต่วันที่ 3 ธ.ค.63 ที่ผ่านมา โดยให้บริการตรวจรักษาโรคทั่วไป คลินิกแพทย์แผนไทย คลินิกเวชกรรมหรือการรักษาโรคจากการทำงาน คลินิกประกันสังคม คลินิกครอบครัว คลินิกสุขภาพเด็ก การวางแผนครอบครัว ตรวจมะเร็งปากมดลูก มะเร็งเต้านม นอกจากนี้ยังให้บริการคลินิกกัญชาทางการแพทย์แผนไทย และเจาะตรวจเลือด/ปัสสาวะ โดยมีแพทย์และพยาบาลให้บริการทุกวันจันทร์ถึงวันศุกร์ ตั้งแต่เวลา 08.30-16.30 น.หากต้องการรักษาจากแพทย์เฉพาะทาง จะส่งต่อไปรักษายัง รพ.ระยอง ต่อไป

        ด้าน ดร.สาธิต กล่าวว่า จากนโยบายของกระทรวงสาธารณสุข ในการพัฒนาระบบบริการสุขภาพพื้นที่กลุ่มภาคตะวันออกให้มีความเข้มแข็ง เนื่องจากเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษของประเทศ มีนักลงทุนและแรงงานต่างชาติเข้ามาทำงานเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้มีผู้มารับบริการด้านการแพทย์และสาธารณสุขเพิ่มมากขึ้นด้วย โดย รพ.ระยอง ได้เตรียมการรองรับโดยมีการพัฒนาระบบบริการเพื่อลดความแออัด โดยขยาย รพ.ระยอง สาขาให้ครบ 4 มุมเมือง ได้แก่ รพ.ระยอง สาขาเนินพระ สาขาตะพง คลินิกชุมชนอบอุ่น คลินิกมิตรไมตรี และล่าสุดคือ รพ.ระยอง สาขาเกาะหวายแห่งนี้        นอกจากนี้ ยังเพิ่มความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านใน รพ.ประจำอำเภอ สร้างระบบเครือข่ายการส่งต่อผู้ป่วยเพิ่มระบบขนย้ายทั้งทางน้ำและอากาศ ระบบการรักษาทางไกล โดยสามารถตรวจสุขภาพได้โดยใช้เครื่องตรวจทางการแพทย์ระยะไกลที่บ้านที่โรงงาน และที่ รพ.สต.จากนั้นผลการตรวจจะถูกส่งถึง รพ.และปรึกษาแพทย์ผู้ให้การรักษาผ่านระบบออนไลน์ และมีการรับยาใกล้บ้าน พร้อมกันนี้ รพ.ระยอง ยังเปิดคลินิกเฉพาะทางนอกเวลาเพิ่มการตรวจพิเศษผ่าตัดในคลินิกนอกเวลา ขยาย/เพิ่มห้องผ่าตัดเตียง ผู้ป่วยวิกฤติแลกึ่งวิกฤติ ขยายหอผู้ป่วย พัฒนาศูนย์โรคหัวใจอีกด้วย…..0000

Loading

กรมส่งเสริมการเกษตร แถลงข่าวออนไลน์เผยความคืบหน้าโครงการเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบ
จาก COVID-19 ดำเนินการได้ตามแผน เกษตรกรสามารถลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตอย่างเป็นรูปธรรม

ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ซึ่งส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนทุกภาคส่วน ได้สั่งการให้กรมส่งเสริมการเกษตรได้ดำเนินการช่วยเหลือเพื่อบรรเทาผลกระทบของพี่น้องเกษตรกรทั้งระยะสั้นและระยะยาว โดยระยะสั้น ได้มอบหมายให้กรมส่งเสริมการเกษตรเป็นหน่วยงานหลักในการจัดซื้อสินค้าเกษตรจากเกษตรกร ที่ประสบปัญหาสินค้าล้นตลาด ราคาตกต่ำ เพื่อนำไปมอบให้กับบุคลากรทางการแพทย์ และประชาชนที่ได้รับผลกระทบ ภายใต้ “โครงการแบ่งปันน้ำใจ เกษตรไทยสู้ภัยโควิด-19” ซึ่งดำเนินการแล้ว 264 ครั้ง 46 จังหวัด รวมเป็นมูลค่าสินค้าทั้งสิ้น 1.2 ล้านบาท โดยได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดีจากทั้งหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และกลุ่มเกษตรกร รวมถึงการช่วยกระจายผลผลิตให้กับเกษตรกรชาวสวนผลไม้ในแคมเปญ “เกษตรกรแฮปปี้” จำนวน 2 เฟส สามารถช่วยระบาย มังคุด เงาะ ลองกอง ลำไย ได้จำนวนมาก ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากพี่น้องประชาชน ทำให้ราคาผลไม้ปรับตัวสูงขึ้นเป็นที่น่าพอใจ และได้รับความร่วมมือจากหลายภาคส่วนในการขนส่งและเป็นจุดกระจายสินค้า สำหรับระยะยาว กรมส่งเสริมการเกษตรได้ดำเนินงานโครงการสำคัญหลายโครงการ ภายใต้โครงการที่มีวัตถุประสงค์เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 โดยมีโครงการสำคัญหลายโครงการได้แก่ โครงการยกระดับแปลงใหญ่ด้วยเกษตรสมัยใหม่และเชื่อมโยงตลาด ซึ่งมีหลายหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมดำเนินการ และโครงการพัฒนาธุรกิจบริการดินและปุ๋ยเพื่อชุมชน (One Stop Service) เป็นต้น ซึ่งผลการดำเนินการในแต่ละโครงการ กรมส่งเสริมการเกษตรดำเนินการเป็นไปตามแผนที่ได้วางกรอบเอาไว้เป็นที่น่าพอใจ และพร้อมกำชับให้กรมส่งเสริมการเกษตรรายงานผลการดำเนินงานให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ทราบอย่างต่อเนื่อง


ด้านนายเข้มแข็ง ยุติธรรมดำรง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า สำหรับโครงการที่มีวัตถุประสงค์เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่กรมส่งเสริมการเกษตรดำเนินการ แบ่งตามแหล่งที่มาของงบประมาณ ประกอบด้วย 1) เงินกู้ตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. 2563 จำนวน 12 โครงการ เช่น โครงการยกระดับแปลงใหญ่ด้วยเกษตรสมัยใหม่และเชื่อมโยงตลาด โครงการพัฒนาธุรกิจบริการดินและปุ๋ยเพื่อชุมชน (One Stop Service) และโครงการที่หน่วยงานระดับจังหวัดเสนอขอดำเนินการ เช่น โครงการส่งเสริมการปลูกพืชเพื่อเพิ่มศักยภาพการผลิตสินค้าเกษตร (สมุทรสงคราม) โครงการส่งเสริมการปลูกผักปลอดภัยเชิงการค้าในกลุ่มเกษตรกรรุ่นใหม่ (จังหวัดสตูล) เป็นต้น ผลการดำเนินงานโดยภาพรวม มีการเบิกจ่ายไปแล้วประมาณ 3,029 ล้านบาท คิดเป็น 56.92% ของวงเงินงบประมาณที่ได้รับจัดสรร โดยมีหลายโครงการที่ดำเนินการเบิกจ่ายเสร็จสิ้นแล้ว และ 2) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการบรรเทา แก้ไขปัญหา และเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 จำนวน 2 โครงการ ได้แก่ โครงการส่งเสริมการปลูกพืชเพื่อเพิ่มศักยภาพการผลิตสินค้าเกษตร (จังหวัดสมุทรสงคราม) และโครงการโรงเรือนเพาะเห็ดอัจฉริยะ (จังหวัดสระบุรี) ขณะนี้ดำเนินการเบิกจ่ายไปแล้วประมาณ 1.14 ล้านบาทคิดเป็นร้อยละ 83.37 ของวงเงินงบประมาณที่ได้รับ


สำหรับความก้าวหน้าของโครงการยกระดับแปลงใหญ่ด้วยเกษตรสมัยใหม่และเชื่อมโยงตลาด ที่มุ่งเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนการผลิตให้กับกลุ่มเกษตรกร ด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่เหมาะสม โดยมีหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมดำเนินงานหลายหน่วยงาน สำหรับความก้าวหน้าในภาพรวม มีแปลงใหญ่เข้าร่วมโครงการ จำนวน 3,381 แปลง แบ่งเป็นกรมส่งเสริมการเกษตร 1,065 แปลง กรมการข้าว 2,029 แปลง กรมปศุสัตว์ 109 แปลง กรมประมง 29 แปลง การยางแห่งประเทศไทย 134 แปลง และกรมหม่อนไหม 15 แปลง ขณะนี้ผ่านการอนุมัติจากคณะกรรมการระดับจังหวัดและดำเนินการจัดทำ MOU กับหน่วยงานที่เป็นเจ้าของสินค้าแปลงใหญ่แล้ว 3,379 แปลง คิดเป็น 99.94 % โอนเงินให้กับกลุ่มแปลงใหญ่แล้ว 3,357 แปลง คิดเป็น 99.29 % วงเงินรวม 9,300 ล้านบาท ในจำนวนนี้กลุ่มแปลงใหญ่ได้เบิกจ่ายแล้ว 1,208 แปลง วงเงินรวม 2,179 ล้านบาท หรือ 35.73% สำหรับตัวอย่างผลสำเร็จ ได้แก่ กลุ่มแปลงใหญ่ปาล์มน้ำมัน ตำบลมะกอกเหนือ อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง ดำเนินการจัดซื้อเครื่องจักรกลเข้ามาใช้ร่วมกันในกลุ่ม ทำให้สามารถลดต้นทุนการผลิตได้กว่า 22% เพิ่มผลผลิตได้ 30% ผลผลิตมีคุณภาพ มีตลาดรับซื้อที่แน่นอน และสามารถขายได้ราคาสูงกว่าท้องตลาด
ด้าน โครงการพัฒนาธุรกิจบริการดินและปุ๋ยเพื่อชุมชน (One Stop Service) ที่เน้นให้เกษตรกรมีความรู้ที่ถูกต้องด้านการจัดการดินและปุ๋ย สามารถเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนการผลิต ด้วยการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมการวิเคราะห์ดินและใช้ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดิน โดยมีศูนย์จัดการดินปุ๋ยชุมชน (ศดปช.) จำนวน 394 ศูนย์ใน 63 จังหวัด สมัครใจเข้าร่วมโครงการ ขณะนี้ดำเนินการทุกกิจกรรมแล้วเสร็จครบ 100% แล้ว โดยใช้งบประมาณ 146 ล้านบาท รวมทั้งยังมีการจัดทำแพลตฟอร์มและแอปพลิเคชั่น “รู้ดิน รู้ปุ๋ย” เพื่อให้เกษตรกรทั้งสมาชิกศูนย์และเกษตรกรทั่วไปสามารถใช้ประโยชน์ให้ได้มากที่สุด ทั้งการให้คำแนะนำการใช้ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดิน การปรับปรุงดิน ตลอดจนอำนวยความสะดวกในการทำธุรกิจดินปุ๋ยของศูนย์ เช่น การคำนวณปุ๋ยที่ต้องใช้ตามค่าวิเคราะห์ดิน การให้บริการสั่งจองปุ๋ย ฯลฯ ซึ่งจะนำไปสู่การตัดสินใจในการใช้ปุ๋ยที่ถูกต้องแม่นยำ ส่งผลให้เกษตรกรใช้ปุ๋ยเคมีลดลงได้ร้อยละ 20 มีต้นทุนลดลง ผลผลิตเพิ่มขึ้น ดำเนินธุรกิจได้อย่างยั่งยืน และลดการพึ่งพาการอุดหนุนจากภาครัฐในอนาคต ส่วนในด้านการให้บริการเชิงธุรกิจ ถือว่าได้รับผลตอบรับจากเกษตรกรอย่างดีมาก มีเกษตรกรมาใช้บริการเกินเป้าหมาย ถือเป็นอีกหนึ่งโครงการฯ ที่มีการบริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ เกิดประโยชน์ต่อเกษตรกรและประเทศชาติ และในอนาคตเกษตรกรจะสามารถต่อยอดการทำธุรกิจบริการดินและปุ๋ยเพื่อชุมชนได้อย่างยั่งยืน สำหรับตัวอย่างผลสำเร็จ ได้แก่ ศูนย์จัดการดินปุ๋ยชุมชน ตำบลปงน้อย อำเภอดอยหลวง จังหวัดเชียงราย ที่มีแผนการพัฒนาต่อยอดธุรกิจดินปุ๋ยของศูนย์ฯ มีการทำโปรโมชั่นเป็นระยะ ๆ เช่น ตรวจวิเคราะห์ดินฟรี การจำหน่ายปุ๋ยในราคายุติธรรม ช่วยสร้างงานให้คนในชุมชน และสามารถขยายผลการจัดการดินปุ๋ยที่ถูกต้องไปสู่เกษตรกรเครือข่ายจำนวนมาก จนได้รับรางวัลชนะเลิศระดับจังหวัดในการประกวด 1 จังหวัด 1 โมเดลธุรกิจ ปี 2564 อีกด้วย

Loading

HMC ฝ่าวิกฤติสถานการณ์โควิด-19 จัดมอบทุนการศึกษาออนไลน์ให้กับเยาวชนระยอง 19 สถาบัน จัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 15 รวมงบประมาณกว่า 490,000 บาท

          บริษัท เอ็มเอ็มซี โปลีเมอส์ จำกัด (HMC) จัดพิธีมอบทุนการศึกษาประจำปี 2564 ผ่านระบบออนไลน์ ซึ่งจัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 15 ให้กับนักเรียนนักศึกษา ที่มีคุณสมบัติในประเภทของทุนการศึกษาคือ มีผลการเรียนดี ขาดแคลนทุนทรัพย์ หรือสร้างชื่อเสียงให้กับสถานศึกษา จำนวน 19 สถาบัน ในจังหวัดระยอง หวังเป็นทุนทรัพย์ให้กับเยาวชนฝ่าวิกฤติปัญหาเศรษฐกิจและสังคมที่เกิดขึ้นภายในครอบครัวซึ่งอาจได้รับผลกระทบจากการว่างงานหรือถูกเลิกจ้างในสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 จำนวนทุนการศึกษารวมกว่า 490,000 บาท จัดขึ้นระหว่างวันที่ 20 สิงหาคม – 3 กันยายน 2564 ที่ผ่านมา โดยมี คุณชาญนะ เอี่ยมแสง ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง และคุณสิริเดช คุ้มวงศ์ดี ประธานบริษัท เอ็มเอ็มซี โปลีเมอส์ จำกัด ให้เกียรติบันทึกเทปสัมภาษณ์กล่าวถึงการมอบทุนการศึกษาในครั้งนี้ รวมทั้งถ่ายทอดเจตนารมณ์ ความคาดหวังและฝากฝังให้เยาวชนจังหวัดระยองที่ได้รับทุนการศึกษานำทุนไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ของโครงการต่อไป พร้อมด้วยคุณบุปผาพรรณ พานทอง ผู้จัดการฝ่ายกิจการเพื่อความรับผิดชอบต่อสังคม ผู้อำนวยการสถานศึกษา คณาจารย์ ผู้ปกครอง และนักเรียนนักศึกษาที่ได้รับทุนการศึกษาเข้าร่วมพิธีฯ จำนวนรวมกว่า 300 คน

          คุณสิริเดช คุ้มวงศ์ดี ประธานบริษัท เอ็มเอ็มซี โปลีเมอส์ จำกัด หรือ HMC กล่าวว่าบริษัท เอ็ชเอ็มซี โปลีเมอส์ จำกัด (HMC) เราเป็นผู้ประกอบการอุตสาหกรรมในพื้นที่จ.ระยอง เปิดดำเนินการมาเกือบ 40 ปีแล้ว นอกเหนือจากการดำเนินธุรกิจ สิ่งที่บริษัทฯ ดำเนินการมาโดยตลอดอย่างจริงจังและใส่ใจ นั่นก็คือการดูแลสังคม และสิ่งแวดล้อมควบคู่กันมาโดยตลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการดูแลในภาคของการสนับสนุนการศึกษาของเยาวชนในจังหวัดระยอง ดังจะเห็นได้จากการจัดมอบทุนการศึกษาในวันนี้ ซึ่งนับเป็นปีที่ 15 ที่เราได้จัดมอบทุนอย่างต่อเนื่องกันมาทุกปี  โดยเฉพาะในปีนี้สถานกาณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ได้สร้างผลกระทบเป็นวงกว้างในทุกแวดวงอาชีพ ทำให้ต้องมีการปรับรูปแบบการดำเนินธุรกิจกันใหม่หมด ซึ่งเป็นที่มาว่าในปีนี้เราจึงปรับการดำเนินโครงการมอบทุนการศึกษามาเป็นในรูปแบบออนไลน์ และเราเล็งเห็นถึงความจำเป็นเร่งด่วน ด้วยหลายๆ ครอบครัวอาจจะกำลังประสบปัญหาการขาดรายได้จากการหาเลี้ยงครอบครัว HMC จึงขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการแบ่งเบาภาระที่เกิดขึ้นนี้ โดยหวังว่าทุนการศึกษาที่มอบให้น้องๆ ทุกคนในวันนี้ จะสามารถช่วยแบ่งเบาภาระคุณพ่อคุณแม่ได้ และเป็นค่าใช้จ่ายทางการศึกษาที่จำเป็นต่อไป

          คุณชาญนะ เอี่ยมแสง ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมา การจัดการเรียนการสอน ของนักเรียนนักศึกษาในชั้นเรียนแบบปกติคงได้รับผลกระทบ และต้องปรับตัวกันเป็นอย่างมากในสถานการณ์ของการระบาดของโรคโควิด-19 ยิ่งในปัจจุบันแนวโน้มการระบาดมีมากขึ้น และยังไม่มีวัคซีนสำหรับเด็กรองรับ สิ่งที่เราทำได้คือการรู้จักป้องกันตนเอง และไม่เดินทางไปในที่เสี่ยงต่อโรค

          อย่างไรก็ตามหากพูดถึง “การศึกษา” ก็เป็นเรื่องที่ต้องเดินหน้ากันต่อไป จะหยุดชะงักไม่ได้ และมีความสำคัญในการพัฒนาประเทศชาติต่อไปในอนาคต ไม่ว่าเราจะอยู่ในสถานการณ์ใดก็ตาม ซึ่งเราจำเป็นต้องมีการเร่งผลิตบุคลากรในหลากหลายอาชีพที่ตรงตามความต้องการของตลาดแรงงาน ยิ่งในจังหวัดระยองเองถือเป็นแหล่งงานสำคัญของประเทศ มีสาขางานเฉพาะทางที่จะช่วยเรื่องการส่งออกและส่งผลดีต่อภาพรวมของเศรษฐกิจของไทยได้เป็นอย่างดี เช่น การผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ การผลิตอุปกรณ์และเครื่องมือแพทย์ เป็นต้น

          สำหรับการจัดพิธีมอบทุนการศึกษาของบริษัท เอ็ชเอ็มซี โปลีเมอส์ จำกัด (HMC)  ในวันนี้ ผมมองว่า HMC เป็นองค์กรที่อุทิศตน เสียสละ และตอบแทนสังคม เพราะทุนการศึกษานี้เป็นกำลังสำคัญที่จะช่วยต่อยอดให้นักเรียน นักศึกษา ได้รับโอกาสที่ดีในการเรียนต่อในระดับชั้นที่สูงขึ้นไป เป็นทุนการศึกษาที่สามารถนำไปใช้จ่ายในเรื่องที่จำเป็นต่อการเรียน ซึ่งเราเองก็ควรมีวินัยในการใช้จ่ายอย่างประหยัด เพื่อให้พอเพียงต่อการศึกษาต่อไป

          ถึงแม้ในปีนี้ บริษัทฯ จะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ด้วยเช่นกัน แต่ไม่ได้ทำให้โครงการเพื่อสังคมต่างๆ หยุดชะงักตาม เรายังคงเดินหน้าปรับรูปแบบการดำเนินโครงการเพื่อให้สามารถดำเนินต่อไปได้ อีกทั้งบริษัทฯ ยังได้ดำเนินการเพื่อช่วยเหลือและบรรเทาสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 อย่างต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน ทั้งในจังหวัดระยอง และจังหวัดใกล้เคียง เช่น การบริจาคชุดคลุมป้องกันซึ่งผลิตจากเม็ดพลาสติก PP ของ HMC และได้รับการรับรองคุณภาพในระดับ 3 การช่วยเหลือชุมชนผู้ได้รับผลกระทบด้วยการมอบถุงยังชีพ เป็นต้น อีกทั้งยังเปิดโอกาสให้พนักงานได้มีส่วนร่วมในการบริจาคด้วยเช่นกัน…000

ธนัญธร รวงผึ้ง

Loading

บริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ SPRC จัดกิจกรรม “วันอนุรักษ์ชายฝั่งสากล จังหวัดระยอง ประจำปี 2564″ ร่วมกับกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) และผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมในจังหวัดระยอง ภายใต้เคมเปญ “#PullingOurWeight เก็บ เซฟ โลก” ซึ่งเป็นการส่งเสริมการเก็บขยะที่ปนเปื้อนอยู่ในแหล่งน้ำธรรมชาติ พร้อมกับสนับสนุนการคัดแยกขยะในครัวเรือนตามประเภทตั้งแต่ต้นทาง เพื่อให้สามารถนำมาใช้ประโยชน์ใหม่หรือกลับสู่กระบวนการรีไซเคิลตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน ป้องกันปริมาณขยะที่จะหลุดรอดสู่สิ่งแวดล้อม

ด้วยภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา (COVID-19) SPRC ได้คำนึงถึงความปลอดภัยเป็นสำคัญ จึงได้จัดกิจกรรมในรูปแบบการเชิญชวนครอบครัวพนักงานร่วมกันคัดแยกขยะ โดยแบ่งเป็น พลาสติก, แก้ว, กระดาษ, เหล็ก/อะลูมิเนียม และขยะทั่วไปประเภทอื่นๆ จากบ้าน ชุมชน ทะเล แม่น้ำ หรือลำคลองใกล้บ้าน ช่วงวันที่ 8-18 กันยายน 2564 ซึ่งพลังของครอบครัว SPRC ในครั้งนี้ สามารถรวบรวมขยะได้จำนวนทั้งสิ้นกว่า 8,700 ชิ้น

การจัดกิจกรรมครั้งนี้ ถือเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างจิตสำนึกในการคัดแยกขยะและความตระหนักถึงผลกระทบของปริมาณขยะที่อาจส่งผลกระทบต่อคนในชุมชนได้ รวมถึงปลูกฝังการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นหนึ่งในการพัฒนาที่ยั่งยืนอีกด้วย…000

ธนัญธร รวงผึ้ง


Loading

เทศบาลตำบลทับมา และ รพ.ระยอง เปิดจุดบริการฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 ให้กับประชาชนในพื้นที่ถวายเป็นพระราชกุศลเนื่องในวันมหิดล ประจำปี 2564

เมื่อวันที่ 24 ก.ย.64 ที่วัดทับมา ต.ทับมา อ.เมือง จ.ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีเจ้าหน้าที่ และบุคลากรทางการแพทย์ด้านสาธารณสุขจังหวัดระยอง ได้ดำเนินการฉีดวัคซีนชิโนแว็ค เข็มแรก และบูทเตอร์ เข็ม 3 ให้กับประชาชนในพื้นที่กว่า 500 คน ซึ่งจัดขึ้นโดยเทศบาลตำบลทับมา และ รพ.ระยอง เนื่องในวันมหิดล ประจำปี 2564 หรือ วันคล้ายวันสวรรคตของสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก


นายประเสริฐ วงษ์ศรี นายกเทศมนตรีตำบลทับมา กล่าวว่า การเปิดจุดให้ฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 ดังกล่าว จัดขึ้นภายใต้โครงการ ให้บริการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสโคโรนา 2019(COVID-19) ทั้งนี้เพื่อเป็นการถวายเป็นพระราชกุศล และน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก ผู้ทรงเป็น”พระบิดาแห่งการแพทย์ไทย”.

Loading

คกก.สว.พบประชาชนในพื้นที่จังหวัดภาคตะวันออก จัดพิธีมอบวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์ให้กับโรงพยาบาลสนามในพื้นที่จังหวัดระยองผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์
คณะกรรมการโครงการสมาชิกวุฒิสภาพบประชาชนในพื้นที่จังหวัดภาคตะวันออก จัดพิธีส่งมอบวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์ และสิ่งของจำเป็นเร่งด่วน เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของโรงพยาบาลสนามในพื้นที่จังหวัดระยอง พร้อมทั้งร่วมประชุมหารือ เพื่อรับทราบข้อมูลในประเด็นปัญหาเร่งด่วนของจังหวัดจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 และความคืบหน้าของโครงการต่าง ๆ ตามยุทธศาสตร์ชาติ และแผนปฏิรูปประเทศที่เป็นรูปธรรมและส่งผลกระทบต่อประชาชนจังหวัดระยอง

เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2564 เวลา 13.00 น. ที่ศาลากลางจังหวัดระยอง คณะกรรมการโครงการสมาชิกวุฒิสภาพบประชาชนในพื้นที่จังหวัดภาคตะวันออก จัดพิธีส่งมอบวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์ และสิ่งของจำเป็นเร่งด่วน เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของโรงพยาบาลสนามในพื้นที่จังหวัดระยอง โดยมี พลเอก วรพงษ์ สง่าเนตร รองประธานกรรมการ คนที่หนึ่ง เป็นประธานกล่าวเปิดงาน (ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์) พร้อมด้วยสมาชิกวุฒิสภา ในฐานะคณะกรรมการฯ เข้าร่วมพิธี และประชุมหารือกับหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องระยองที่เกี่ยวข้อง (ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์) ณ ห้องประชุม หมายเลข 411 อาคารรัฐสภา (ฝั่งวุฒิสภา) กรุงเทพฯ โดย พลเอก วสันต์ สุริยมงคล และนายกำพล เลิศเกียรติดำรงค์ สมาชิกวุฒิสภา ในฐานะผู้แทนคณะกรรมการฯ ลงพื้นที่มอบวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์และสิ่งของจำเป็นให้กับผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง เพื่อนำไปมอบให้กับโรงพยาบาลสนามในพื้นที่จังหวัดระยองต่อไป


จากนั้น เป็นการประชุมหารือร่วมกันระหว่างคณะกรรมการโครงการสมาชิกวุฒิสภาพบประชาชนในพื้นที่จังหวัดภาคตะวันออก กับหัวหน้าส่วนราชการจังหวัดระยอง (ประชุมผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์) ในประเด็นปัญหาเร่งด่วนของจังหวัดจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 และความคืบหน้าของโครงการต่าง ๆ ตามยุทธศาสตร์ชาติ และแผนปฏิรูปประเทศที่เป็นรูปธรรมและส่งผลกระทบต่อประชาชนจังหวัดระยอง
สำหรับการดำเนินการจัดหาวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์ และสิ่งของจำเป็นเร่งด่วน เพื่อนำไปมอบให้กับโรงพยาบาลสนามในพื้นที่จังหวัดภาคตะวันออก สืบเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ยังทวีความรุนแรงและมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมากในทุกวัน และขณะนี้มีการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามกระจายในหลายจังหวัด เพื่อให้การดูแลพี่น้องประชาชน กระจายอยู่ในทุกจังหวัด ด้วยความห่วงใยในสถานการณ์และผลกระทบที่เกิดขึ้นดังกล่าว พลเอก สิงห์ศึก สิงห์ไพร รองประธานวุฒิสภา คนที่หนึ่ง ในฐานะประธานกรรมการอำนวยการโครงการสมาชิกวุฒิสภาพบประชาชน พลเอก วรพงษ์ สง่าเนตร รองประธานกรรมการฯ คนที่หนึ่ง และสมาชิกวุฒิสภา ในคณะกรรมการฯ จึงได้รวบรวมทุนทรัพย์ เพื่อจัดหาวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์ และสิ่งของจำเป็นเร่งด่วน นำไปมอบให้กับเจ้าหน้าที่ บุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงคนไข้ในโรงพยาบาลสนามต่าง ๆ ในพื้นที่จังหวัดภาคตะวันออก ที่ผ่านมา ได้ดำเนินการช่วยเหลือและมอบวัสดุอุปกรณ์ให้กับโรงพยาบาลสนามในพื้นที่จังหวัดภาคตะวันออกไปแล้วทั้งสิ้น 7 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ตราด จันทบุรี ฉะเชิงเทรา และชลบุรี โดยในครั้งนี้ คณะกรรมการฯ ได้จัดพิธีมอบวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์ให้กับโรงพยาบาลสนามในพื้นที่จังหวัดระยอง ซึ่งเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของคณะกรรมการฯ ในการเร่งให้ความช่วยเหลือโรงพยาบาลสนามในพื้นที่จังหวัดภาคตะวันออกให้ครบทั้ง 8 จังหวัด
และในโอกาสนี้ คณะกรรมการฯ ได้ส่งกำลังใจและความห่วงใยไปถึงบุคลากรทางการแพทย์ในการปฏิบัติหน้าที่ด่านหน้า และประชาชนคนไทยทุกคน เราทุกคนจะร่วมมือกันฝ่าฟัน และผ่านวิกฤตจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ครั้งนี้ไปด้วยกัน

Loading

นายกเทศมนตรีตำบลทับมา สั่งเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังเตรียมพร้อมรับมือน้ำท่วมในพื้นที่ 24 ชม.พร้อมติดตั้งเครื่องสูบน้ำ และเพิ่มเครื่องผลักดันน้ำในคลองทับมา เพื่อเร่งระบายน้ำลงทะเลแก้ไขปัญหาน้ำท่วมพื้นที่ชั้นใน

นายประเสริฐ วงษ์ศรี นายกเทศมนตรีตำบลทับมา กล่าวว่า จากสถานการณ์ฝนตกติดต่อกันหลายวันที่ผ่านมา ทำให้น้ำในคลองทับมามีระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งประชาชนมีความกังวลเรื่องของน้ำท่วมซ้ำซาก ซึ่งเกิดขึ้นเป็นประจำในช่วงฤดูฝนนี้ ทั้งนี้ในส่วนของการรองรับสถานการณ์ดังกล่าว ทางเทศบาลตำบลทับมา ได้มีการเตรียมความพร้อมของเจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และกองช่าง ลงพื้นที่เฝ้าระวัง 24 ชม.โดยมีแผนปฏิบัติการรองรับเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำในทุกปีอยู่แล้ว รวมทั้งเตรียมเครื่องมือ อุปกรณ์ต่างๆ ทั้งเครื่องสูบน้ำจากกรมชลประทาน จำนวน 5 เครื่องติดตั้งตามจุดต่างๆ ของคลองทับมาเรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้ยังได้เตรียมเครื่องผลักดันน้ำอีก 3 เครื่อง สำรองไว้ติดตั้งช่วยระบายน้ำบริเวณปลายคลองให้ลงทะเลโดยเร็วที่สุด หากมีฝนตกหนาแน่นและปริมาณน้ำในคลองทับมาสูงขึ้น พร้อมกันนี้ที่ผ่านมา ก็ได้มีการสำรวจน้ำที่ตกค้างตามชุมชน หรือสาเหตุของน้ำที่ท่วมในชุมชน สิ่งกีดขวางลำน้ำ เพื่อเป็นข้อมูลในการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมดังกล่าวด้วย


อย่างไรก็ตามหลังมีฝนตกหนักติดต่อกันหลายวันที่ผ่านมา จากการแก้ไขปัญหาระยะยาว ทั้งของชลประทานระยอง โยธาธิการและผังเมืองระยอง และ อบจ.ระยอง ก่อสร้างพนังกั้นน้ำ ประตูระบายน้ำ โรงสูบน้ำ และบ่อเก็บน้ำ การก่อสร้างแล้วเสร็จประมาณ 80 เปอร์เซ็น พบว่าคลองทับมาสามารถระบายน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้หากโครงการดังกล่าวทำแล้วเสร็จทั้งระบบ จะสามารถแก้ไขปัญหาน้ำท่วมได้อย่างเต็มที่