Loading

ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง นำประกอบพิธีวางพานพุ่มถวายราชสักการะน้อมรำลึกพระมหากรุณาธิคุณในหลวงรัชกาลที่ 9 เนื่องในวัน”พระบิดาแห่งฝนหลวง” ซึ่งพระองค์ทรงค้นคว้าวิจัยนำวิทยาศาสตร์ประยุกต์ใช้เกิดเมฆฝนบรรเทาปัญหาภัยแล้ง

เมื่อเวลา 14.30 น.วันที่ 14 พ.ย.64 ที่ห้องโถงชั้น 1 ศาลากลางจังหวัดระยอง ต.เนินพระ อ.เมือง จ.ระยอง นายชาญนะ เอี่ยมแสง ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง เป็นประธานในพิธีวางพานพุ่มดอกไม้สดถวายราชสักการะน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (รัชกาลที่ 9) เนื่องในวันพระบิดาแห่งฝนหลวง ประจำปี 2564 โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ และข้าราชการสำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดระยอง ร่วมพิธี


ทั้งนี้ สืบเนื่องเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2498 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มีพระราชดำริโครงการฝนหลวง พระองค์ทรงทุ่มเทพระวรกายในการคิดค้น วิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีการทำฝนหลวงจนประสบความสำเร็จ และช่วยให้ประเทศชาติให้รอดพ้นวิกฤติภัยแล้งมาได้จนถึงปัจจุบัน ต่อมาวันที่ 20 สิงหาคม 2545 คณะรัฐมนตรีมีมติเฉลิมพระเกียรติ และกำหนดให้วันที่ 14 พฤศจิกายนของทุกปี เป็นวันพระบิดาแห่งฝนหลวง เพื่อจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ของชาติไทย รวมทั้งให้ประชาชนได้แสดงความจงรักภักดี สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ชื่นชมในพระบารมีและร่วมกันถวายสดุดีเฉลิมพระเกียรติในทุกปี…000

Loading

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่และประชาชนที่เข้ามารับวัคซีนต้านโควิด-19 ตามโครงการ Covid Free Stop ปั๊มน้ำมันในพื้นที่จังหวัดระยอง เพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนในพื้นที่และนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้ามาในพื้นที่ ตั้งเป้าฉีดครอบคลุมให้ได้ร้อยละ 80 ภายในเดือนพฤศจิกายนนี้

เมื่อวันที่ 13 พ.ย.ที่สถานีบริการน้ำมันพีทีทีออโต้วัน เนินสำลี ต.เนินพระ อ.เมือง จ.ระยอง นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่และประชาชนที่เข้ามารับวัคซีนต้านโควิด-19 ตามโครงการ Covid Free Stop ปั๊มน้ำมันในพื้นที่จังหวัดระยอง โดยมีจุดฉีดวัคซีนที่ปั๊มน้ำมีน รวม 4 แห่ง ใน อ.เมืองระยอง อ.บ้านค่าย และ อ.วังจันทร์ ทั้งนี้เพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนในพื้นที่และนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้ามาในพื้นที่ โดยมีนายชาญนะ เอี่ยมแสง ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง นายแพทย์สุนทร เหรียญภูมิการกิจ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดระยอง ร่วมลงพื้นที่ โดยมีพนักงานบริษัท พนักงานปั๊มน้ำมัน ประชาชน และแรงงานต่างด้าวในพื้นที่มารับการฉีดวัคซีนจำนวนมาก มีทั้งวอร์คอิน และมีจุดจอดรับวัคซีนบนรถยนต์

นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า วัคซีนเป็นเครื่องมือสำคัญในการเปิดพื้นที่การท่องเที่ยวหากจังหวัดมีการดำเนินการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนและจำนวนเตียงรองรับผู้ป่วยอย่างเพียงพอก็จะสามารถเปิดพื้นที่ท่องเที่ยวจังหวัดนั้นได้อย่างเต็มที่ ซึ่งการควบคุมโรคโควิด-19 จะต้องดำเนินการควบคู่กันทั้งด้านเศรษฐกิจและการควบคุมโรค ซึ่งจากนี้ไปจนถึง 1 ธันวาคมนี้ ถ้ามีอัตราการฉีดวัคซีนครอบคลุมสูงถึง 75–80% จะทำให้ประชาชนใช้ชีวิตได้อย่างปลอดภัยมากยิ่งขึ้นและลดความรุนแรงของโรคหากได้รับเชื้อ ซึ่งบางกิจกรรมหรือกิจการที่มีความเสี่ยงสูงมากเกินไปจะยังไม่อนุญาตให้ดำเนินการในช่วงนี้เพราะอาจทำให้เกิดการแพร่ระบาดได้ ปัจจุบันจังหวัดระยอง มีการฉีดวัคซีนไปแล้วกว่าร้อยละ 70 อย่างไรก็ตามตนได้กำชับให้สาธารณสุขจังหวัดระยอง เร่งฉีดวัคซีนให้กับประชาชนทุกคน โดยเฉพาะแรงงานต่างด้าวในพื้นที่ให้ได้ร้อยละ 80 ภายในเดือน พ.ย.นี้

นอกจากนี้ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ยังได้ขอความร่วมมือผู้ประกอบการรายใหม่ในจังหวัดระยอง ในช่วงนี้ขอให้ชะลอนำเข้าแรงงานต่างด้าวที่เข้ามาใหม่มาทำงานในพื้นที่ ขอให้มีการฉีดวัคซีนประชาชนในพื้นที่ให้ครอบคลุมมากที่สุดก่อน ซึ่งหากนำเข้ามาอาจทำให้มีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดโควิด-19 ในพื้นที่ เนื่องจากปัจจุบันพบคลัสเตอร์ใหม่เกิดขึ้นที่เชื่อมโยงกับกลุ่มแรงงานต่างด้าวในจังหวัดใกล้เคียง รวมทั้งมีการพบคลัสเตอร์งานบุญกฐินเกิดขึ้นอีกด้วย.

Loading

จังหวัดระยองลงนาม MOU บูรณาการจัดการปัญหาคุณภาพน้ำแหล่งน้ำสาธารณะ ( คลองน้ำหู ) พื้นที่เขตควบคุมมลพิษ นำร่องติดตามคุณภาพแหล่งน้ำแก้ไขปัญหาน้ำเน่าเสียในคลองน้ำหู และเป็นต้นแบบของการบริหารจัดการผิวดินและคลองสาธารณะในพื้นที่ จังหวัดระยอง

เมื่อวันที่ 11 พ.ย.ที่ห้องประชุมโรงแรมโกลเด้นซิตี้ อ.เมืองระยอง จ.ระยอง นายชาญนะ เอี่ยมแสง ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ(MOU)ในการดำเนินโครงการบูรณาการจัดการปัญหาคุณภาพน้ำแหล่งน้ำสาธารณะ(คลองน้ำหู) พื้นที่เขตควบคุมมลพิษ จ.ระยอง กับหน่วยงาน และ อปท.ที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย สมาคมเพื่อนชุมชน เทศบาลเมืองมาบตาพุด เทศบาลตำบลเนินพระ เทศบาลตำบลทับมา สำนักงานจัดการน้ำเสีย สาขาบ้านเพ สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดระยอง ชลประทานระยอง อุตสาหกรรมจังหวัดระยอง และตัวแทนภาคประชาชนกลุ่มผู้ใช้น้ำชลประทานพื้นฐานอนุรักษ์คลองน้ำหู


ทั้งนี้สืบเนื่องจากจังหวัดระยอง ได้ประกาศนโยบายการพัฒนาจังหวัดสู่เมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศตามเกณฑ์ตัวชี้วัดการเป็นเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ เพื่อให้โรงงานอุตสาหกรรม หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และชุมชนโดยรอบเจริญเติบโตไปด้วยกันรองรับเขตพัฒนาพิเศษภาคตตะวันออก(EEC)ภายใต้การกำกับดูแลสิ่งแวดล้อมที่ดี และการร่วมมือขับเคลื่อนอย่างจริงจังของคนในพื้นที่ ซึ่งคณะกรรมการพัฒนาเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศจังหวัดระยอง ได้มีมติคัดเลือกแหล่งน้ำสาธารณะคลองน้ำหู เป็นโครงการนำร่องในการติดตามคุณภาพแหล่งน้ำสาธารณะในจังหวัด ซึ่งเดิมเกิดจากการขุดคลองของชลประทาน เพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วมบริเวณหนองโพรง คลองทับมาในอดีต ปัจจุบันกลายเป็นแหล่งรองรับน้ำเสียที่ระบายมาจากแหล่งชุมชน บ้านจัดสรร จึงทำให้เกิดปัญหาน้ำเสีย ด้วยเหตุนี้เพื่อแก้ไขปัญหาน้ำเน่าเสียในคลองน้ำหู จึงเกิดความร่วมระหว่างเครือข่ายของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องดังกล่าว โดยได้มีการจัดการประชุมถอดบทเรียนแก้ไขปัญหาน้ำเน่าเสียคลองน้ำหู และเพื่อเป็นต้นแบบของการบริหารจัดการน้ำผิวดิน และคลองสาธารณะในพื้นที่จังหวัดระยองต่อไป

ด้านนายประเสริฐ วงษ์ศรี นายกเทศมนตรีตำบลทับมา กล่าวว่า พื้นที่ของ ต.ทับมาเชื่อมคลองน้ำหูบริเวณเขตติดต่อ ม.2 บ้านแหลมมะขาม โดยสูบน้ำจากหนองโพรงลงคลองน้ำหู เพื่อลงทะเล น้ำเสียจากคลองน้ำหูส่วนหนึ่งมาจากพื้นที่ ต.ทับมาที่มีหมู่บ้านจัดสรรใหญ่ๆ ในพื้นที่อยู่ 4 โครงการ ซึ่งทางเทศบาลตำบลทับมา มีความยินดีที่จะทำความร่วมมือในการกำจัดน้ำเสียในคลองน้ำหูให้สำเร็จ ทั้งนี้หากมีดำเนินการเสร็จสิ้นเชื่อว่าในอนาคตจะมีการพัฒนาและปรับภูมิทัศน์เป็นแหล่งท่องเที่ยว หรือสถานที่พักผ่อน ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งกับประชาชนในพื้นที่อย่างยิ่ง.

Loading

สกพอ.อบจ.ระยอง และกลุ่มเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนแปลงใหญ่ระยอง หารือ บ.ปตท.จำกัด(มหาชน) เดินหน้าขับเคลื่อนห้องเย็นเทคโนโลยีทันสมัยควบคุมคุณภาพรสชาติผลไม้ นำร่องทุเรียน 4,000 ตัน หลังมีการลงนาม MOU ร่วมกันแล้ว ตั้งเป้าให้ทันฤดูการผลิต พ.ค.65 นี้

วันที่ 10 พ.ย.64 ที่ห้องประชุมสวนสุภัทราแลนด์ ต.หนองละลอก อ.บ้านค่าย จ.ระยอง นางพจนี อรรถโรจน์ภิญโญ รองเลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก(สกพอ.) หรือ EEC หารือกับนายชาญศักดิ์ ชื่นชม รองกรรมการผู้จัดการใหญ่วิศวกรรมและโครงสร้างพื้นฐาน บ.ปตท.จำกัด(มหาชน) นายโชติชัย บัวดิษ ประธานเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนแปลงใหญ่ไม้ผลจังหวัดระยอง และผู้แทนนายก อบจ.ระยอง ติดตามความคืบหน้าโครงการก่อสร้างห้องเย็นเทคโนโลยีทันสมัยรักษาคุณภาพรสชาติผลไม้ ภายหลังได้มีการลงนาม MOU บันทึกข้อตกลงความร่วมมือพัฒนาผลไม้อย่างครบวงจรในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก(EEC)กันมาแล้วตั้งแต่วันที่ 4 ก.ย.ที่ผ่านมา ภายใต้โครงการระเบียงผลไม้ภาคตะวันออก(Eastern Fruit Corridor : EFC)และแผนพัฒนาการเกษตรในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
นางพจนี อรรถโรจน์ภิญโญ รองเลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) หรือ EEC กล่าวว่า หลังลงนามกัน 3 ฝ่ายแล้ว ทาง EEC ได้มีการประสานงานกับทาง ปตท.เพื่อที่จะดู Business Model ประกอบกลุ่ม ปตท.เปลี่ยนทีม จึงจำเป็นต้องมีการประสานงานกันอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งเข้าประชุมคณะอนุกรรมการบริหารบริหารนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก(กพอ.) ซึ่งมีความเห็นว่าโครงการห้องเย็นดังกล่าวจะนำร่องทุเรียน 4,000 ตัน ควรจะเริ่มได้ในฤดูกาลผลิตในเดือน พ.ค.65 นี้
นอกจากนี้ทางคณะอนุกรรมการบริหารนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก(กพอ.) มีความเห็นว่าในเรื่อง Business Model ถ้า ปตท.เป็นผู้บริหารจัดการมาดำเนินโครงการแทน สกพอ.ที่จะได้โฟกัสการพัฒนานำนักลงทุนมาลงทุนใน EEC ทั้งนี้ก่อนหน้านี้ได้มีการประชุมกับ ปตท.ทีมใหม่ พร้อมกับพาลงพื้นที่มาพบชาวสวนแปลงใหญ่โดยตรง เพื่อที่จะแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และติดตามความก้าวหน้า เพื่อให้ทราบว่าฝั่งผู้ผลิตมีความพร้อมมากน้อยเพียงไร และมีผลผลิตที่ป้อนเท่าไหร่ เงื่อนไขอย่างไร Business Model จะเป็นอย่างไร เพื่อให้ ปตท.ได้มีความมั่นใจ ส่วนเรื่องที่ดิน กนอ.พร้อมที่จะสนับสนุนพื้นที่ห้องเย็น เตรียมเข้าบอร์ด กนอ.ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร อย่างไรก็ตาม ผลการประชุมวันนี้เป็นระยะแรก ซึ่ง ปตท.จะมีการสำรวจข้อมูล วิเคราะห์อย่างถี่ถ้วนอีกครั้ง เพื่อให้โครงการได้เกิดขึ้นโดยเร็วและยั่งยืน โดยมีเกษตรกรเป็นหุ้นส่วน เหตุที่ต้องนำร่องทุเรียน เนื่องจากตลาดเป็นของผู้ขายเป็นผู้กำหนดราคา ประกอบกับในจังหวัดระยอง มีการขยายปลูกทุเรียนเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะใน 3 ปีข้างหน้า อาจจะประสบผปัญหาล้นตลาด ซึ่ง MODEL ดังกล่าวที่เกิดขึ้น จะช่วยดันราคาทุเรียนภาคตะวันออก และจะช่วยแก้ไขปัญหาราคาทุเรียนตกต่ำด้วย.
ด้าน นายชาญศักดิ์ ชื่นชม รองกรรมการผู้จัดการใหญ่วิศวกรรมและโครงสร้างพื้นฐาน บ.ปตท.จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า ด้วยภารกิจที่ ปตท.ได้รับร่วมกับคณะกรรมการ EEC ให้ช่วยดูแลภาคเกษตรกรในดูแลผลผลิตให้มีเสถียรภาพด้านราคา โครงการห้องเย็นเป็นโครงการหนึ่งอยู่ในแผนงาน ทีม ปตท.และ EEC มาเก็บข้อมูลให้เป็นเชิงลึกร่วมกับเกษตรกร จะเร่งดำเนินการศึกษาว่าจะดำเนินการอย่างไรให้มีผลตอบแทน มีความก้าวหน้า และสามารถจับต้องได้ในเรื่องของความยั่งยืนให้เร็วที่สุด


นายมานพ โปษยาอนุวัตร์ นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรชำนาญการ สำนักงานเกษตรจังหวัดระยอง กล่าวว่า เกษตรจังหวัด มีบทบาทในการส่งเสริมให้เกษตรกรผลิตทุเรียนมีคุณภาพ ทั้งการรวมตัวเป็นเกษตรกรแปลงใหญ่ การรวมตัวกันเป็นเครือข่ายเป็นวิสาหกิจชุมชน เป้าหมายเพื่อลดต้นการผลิต การพัฒนาคุณภาพ และแนวทางการจัดการตลาดในอนาคต ซึ่งทุเรียนมีแนวโน้มผลผลิตเพิ่มขึ้นประมาณ 120,000 ตันต่อปี จากมีพื้นที่ปลูกใหม่เพิ่มขึ้นในปี 63-64 รวมกว่า 10,000 ไร่ ใน 5 ปีข้างหน้าผลผลิตจะเพิ่มขึ้น ประมาณ 200,000 ตัน ซึ่งอาจประสบปัญหาล้นตลาดได้ ซึ่งการมีห้องเย็น จะเป็นโอกาสของจังหวัดระยองและใกล้เคียงที่จะสามารถช่วยยืดอายุการขาย และช่วยเรื่องราคาผลผลิตตกต่ำได้อีกด้วย


นายสุเทพ เจริญชนม์ เกษตรกรสมาชิกเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนแปลงใหญ่ไม้ผลจังหวัดระยอง กล่าวว่า โครงการห้องเย็นดังกล่าว จะเป็นประโยชน์อย่างมากกับเกษตรกรชาวสวนทุเรียน เนื่องจากปัจจุบันเกษตรกรหันมาปลูกทุเรียนเพิ่มมากขึ้น แต่การตลาดทุเรียนยังเท่าเดิม การมีโครงการดังกล่าว จะแก้ไขปัญหาในหลายๆ อย่าง ทั้งคุณภาพผลผลิต และราคา เพราะที่ผ่านมาเกษตรกรช่วยเหลือตัวเองมาตลอด ไม่สามารถกำหนดราคาเองได้เหมือนพ่อค้าคนกลาง ถ้าหากมีห้องเย็นขึ้นมา เกษตรกรสามารถที่จะได้รู้ว่าผลิตทุเรียนอย่างไรที่มั่นคง และมีรายได้มั่นคง ที่สำคัญความคาดหวังของเกษตรกรในอนาคตคือการสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศของที่ส่งออกไปมีคุณภาพ

นายโชติชัย บัวดิษ ประธานเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนแปลงใหญ่ไม้ผลจังหวัดระยอง กล่าวว่า ในภาคการผลิตการเกษตรปัญหาที่เกษตรกรพบคือ ช่วงที่เกษตรกรปลูกทุเรียนเวลาออกสู่ตลาดจะพร้อมกัน ทำให้ราคาตกต่ำ และเวลาเก็บเกี่ยวไม่ทันทำให้หล่นเสียหาย การมีห้องเย็นจะช่วยให้ผลผลิตมีคุณภาพเหมือนเดิม และช่วยป้องกันคุณภาพไม่ดีได้อีกด้วย เพราะการนำผลผลิตเก็บในห้องเย็น ต้องเป็นผลผลิตที่แก่พร้อมกินเท่านั้น นอกจากนี้ในช่วงผลผลิตออกมาก ยังช่วยในการดึงทุเรียนออกจากตลาด ออกไปจากระบบโดยการเก็บไว้ในห้องเย็นเป็นลดปัญหาล้นตลาด และราคาตกต่ำ….000

Loading

รองอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายการการทำงานให้แก่ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ ที่ สวท.ระยอง

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 9 พฤศจิกายน 2564 นางทัศนีย์ ผลชานิโก รองอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ เดินทางมาตรวจเยี่ยมและติดตามการดำเนินงานตามนโยบายของกรมประชาสัมพันธ์ ณ สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย จังหวัดระยอง ต.น้ำคอก อ.เมือง จ.ระยอง โดยมีนายอธิชัย ต้นกันยา ผู้อำนวยการสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย จ.จันทบุรี ในฐานะผู้แทนผู้อำนวยการสำนักประชาสัมพันธ์เขต 7 จันทบุรี นายกุมพล ชวนชม ประชาสัมพันธ์ จ.ระยอง และนายนพคุณ สุนทรหงส์ ผู้อำนวยการสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย จ.ระยอง พร้อมด้วยข้าราชการและเจ้าหน้าที่ ให้การต้อนรับ


นางทัศนีย์ ผลชานิโก รองอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ กล่าวว่า การเดินทางมาในครั้งนี้ นอกจากมาตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่แล้ว ยังได้นำนโยบายของอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ ที่ต้องการให้สื่อของกรมประชาสัมพันธ์ที่อยู่ในพื้นที่ทั่วประเทศ ทำหน้าที่ประชาสัมพันธ์นโยบายรัฐบาล และหน่วยงานของรัฐทุกกระทรวงให้ประชาชนได้รับรู้และเข้าใจ ซึ่งมีด้วยกัน 3 เรื่อง คือ 1. เรื่องที่ประชาชนต้องรู้ ต้องให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก เพื่อป้องกันไม่ให้ประชาชนเสียสิทธิหรือได้รับความเสียหาย 2. เรื่องที่ประชาชนควรรู้เพื่อนำไปพัฒนาอาชีพ พัฒนาคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ให้ดีขึ้น และ 3. เรื่องที่ประชาชนอยากรู้และกำลังอยู่ในความสนใจ นำมาสอดแทรกในสื่อของกรมประชาสัมพันธ์ เพื่อให้ประชาชนรับรู้และเข้าใจอย่างถูกต้อง อย่างไรก็ตาม กรมประชาสัมพันธ์มีทั้งสื่อวิทยุ โทรทัศน์และสื่อใหม่ ต้องทำหน้าที่ในฐานะสื่อมวลชน จำเป็นต้องควรนำเสนอประเด็นดังกล่าวฯควบคู่กันด้วย เพื่อให้ประชาชนได้รับประโยชน์มากที่สุด


ในโอกาสนี้ รองอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ ได้เยี่ยมชมห้องส่งวิทยุและห้องบันทึกเสียงใหม่ ของ สวท.ระยอง ที่ได้รับงบจากกรมประชาสัมพันธ์ ปี 2564 จำนวน 450,000 บาท และ จากผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง อีก 400,000 บาท นำมาปรังปรุงใหม่และออกแบบใหม่ทั้งหมด หลังจากใช้งานมานานถึง 26 ปี ตั้งแต่ปี 2538

Loading

เมื่อวันที่ 7 พ ย ที่โรงแรมคลาสสิค คามิโอ ได้จัดอบรมสัมมนาศาสตร์การพัฒนาชีวิต ให้กับผู้สื่อข่าวในจังหวัดระยอง มีผู้เข้าร่วมอบรมกว่า 20 ราย จัดโดยโคชติ๋ว นันทนา
ติ๋ว นันทนา ผู้คืนความสุขให้กับผู้คน นอกจากจะโค้ช และจัดอบรมสัมมนา ในหลายหลักสูตรที่เน้นการพัฒนาทางด้านจิตใจให้กับผู้บริหารและพนักงานในองค์กรแล้ว ยังให้บริการในการบำบัดและโค้ชกับบุคคลทั่วไปและผู้สนใจ ทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด การทำงานในหลายพื้นที่ หลายบริบท ทำให้เห็นปัญหาที่หลากหลาย ซึ่งการแก้ปัญหาควรแก้ที่ต้นเหตุไม่ใช่ปลายเหตุ จึงสนับสนุนให้เกิดเรียนรู้เพื่อป้องกันและสร้างภูมิคุ้มกันในชีวิต
ได้นำศาสตร์การพัฒนาตนเอง ทั้งศาสตร์ทางด้านการบำบัด Therapy และศาสตร์ทางด้าน Coaching ซึ่งเป็นทักษะที่สำคัญในการใช้ชีวิต
เรียกได้ว่าเป็นเครื่องมือที่ทันสมัยในการพัฒนาตนเองที่ได้ผลดีที่สุดศาสตร์หนึ่ง และสามารถดึงศักยภาพที่ซ่อนอยู่ภายในออกมาใช้ได้อย่างเต็มที่
เพราะเชื่อมั่นว่าการพัฒนาคนควรพัฒนาที่จิตใจ จึงตระหนักว่าศาสตร์นี้สามารถพัฒนาคนได้อย่างยั่งยืน เพราะเป็นการพัฒนาในระดับลึก คือระดับจิตใต้สำนึก

จิตใต้สำนึกคืออะไร ?
คือจิตที่อยู่ในส่วนลึกที่สุด ที่เก็บข้อมูลความทรงจำทุกอย่างไว้มากมาย
คอยขับเคลื่อนชีวิตของเราตลอดเวลา จิตใต้สำนึก สั่งให้เราทำทุกอย่างตามความรู้สึก ถ้ารู้สึกดีก็ทำสิ่งดี ถ้ารู้สึกไม่ดีก็ทำสิ่งไม่ดี ที่ไม่เป็นประโยชน์ ทั้งต่อตนเองและผู้อื่น ซึ่งนำมาถึงการมีพฤติกรรมมีนิสัยที่เป็นผลลัพธ์ในชีวิตของเรา เพราะเห็นถึงความสำคัญในเรื่องของจิตใจ จึงได้มุ่มมั่นในการใช้ความรู้
ที่ได้จากการเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเล ขึ้นเขาลงห้วยเพื่อแสวงหาความรู้ ทางด้านจิตใจศึกษาทั้งศาสตร์ทางตะวันออกและตะวันตก ในการพัฒนาจิตใจ อารมณ์ความคิด ความรู้สึก และได้เห็นถึงการสอดรับเชื่อมโยงกันของร่างกายและจิตใจ ทำให้ค้นพบสาเหตุที่ทำให้ความสุขของคนเราหายไป เมื่อได้พูดคุยและใช้กระบวนการทำให้สามารถนำความสุขกลับคืนมาได้ไม่ว่าจะชาติไหน ภาษาไหน ก็มีร่างกาย จิตใจ มีเรื่องราวในการดำเนินชีวิต
มีความคิดความรู้สึกเช่นเดียวกัน การทำงานนั้นมีทั้งแบบตัวต่อตัวและเป็นกลุ่ม ทั้งในองค์กร และสาธารณะ
ติ๋วดูแลอย่างใกล้ชิดทุกขั้นตอน เพื่อให้ทุกท่านได้เรียนรู้ฝึกฝน ทั้งทางด้านกายภาพ สมอง ความคิด อารมณ์ ความรู้สึกและจิตวิญญาณ ทำให้มีมุมมองที่เพิ่ขึ้นในทุกมิติของชีวิต สามารถปลดล็อค คลีคลายจากภายใน ได้คำตอบสิ่งที่ติดค้างอยู่ด้วยตัวเอง เป็นการอัพเดทแผนที่ชีวิต อัพเดทข้อมูลในสมองและจิตใจ ได้ข้อสรุปที่เป็นประโยชน์ต่อตนเองและผู้อื่น สามารถยกระดับสภาวะจิตใจสภาวะอารมณ์ทำให้มีพฤติกรรรมใหม่ที่สอดคล้องกับเป้าหมายในชีวิตอย่างแท้จริงด้วยกระบวนการทางจิตวิทยารวมถึงองค์ความรู้ทางด้านการพัฒนาตนเองจากหลายศาสตร์ ที่สามารถนำมาประยุกต์ผสานให้เหมาะควรกับบุคคลและเข้ากับสถานการณ์ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ได้ผลลัพธ์ที่เหนือขึ้นกว่า สามารถดึงศักยภาพที่มีอยู่ภายในให้นำออกมาใช้ได้อย่างเต็มที่ การเรียนรู้จากภายในสามารถสร้างรากฐานสมดุลชีวิต เป็นการเติบโตอย่างยั่งยืนแล้วนำความสุขออกไปสร้างความสำเร็จในแบบที่เป็นตัวเรา ซึ่งได้ผลลัพธ์ที่ดีกับทุกเพศทุกวัย

ติ๋ว นันทนา เคยทำธุรกิจ ที่ประสบความสำเร็จทางด้าน Event Marketing กระทั่งวันนึงมีเหตุการณ์ที่มากระทบจิตใจ ทำให้เกิดคำถามขึ้นในใจว่าจิตใต้สำนึกคืออะไร จึงเรียกได้ว่าเป็นคำถามเปลี่ยนชีวิต ที่ทำให้เปลี่ยนเส้นทางการทำงานจึงวางมือจากธุรกิจเดิมและหันหัวเรือเดินหน้าเต็มกำลังเพื่อไปศึกษาเกี่ยวกับศาตร์การพัฒนาตนเองทางด้านจิตใจ อย่างต่อเนื่อง เพื่อนำมาใช้ในการพัฒนาหลักสูตรอย่างสม่ำเสมอ นอกจากจะรับหน้าที่ให้คำปรึกษาเพื่อพัฒนาศักยภาพและดูแลสุขภาพจิตใจให้กับผู้บริหาร พนักงานในองค์กร และบุคคลทั่วไปที่สนใจแล้ว ยังได้ก่อตั้งเพจ
7Life และ 7Life Academy เพื่อแบ่งปันความรู้ เกี่ยวกับหลักการใช้ชีวิต ทักษะที่สำคัญและจำเป็นในการใช้ชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการสนับสนุนให้คนรู้จักตนเอง เข้าใจตนเองและผู้อื่น มีเป้าหมายในชีวิต ความต้องการของมนุษย์ ความกลัวของมนุษย์
วงล้อแห่งชีวิตที่สมบูรณ์ หลักสู่ความมั่งคั่งและความสุข การสื่อสารและองค์ความรู้เกี่ยวความคิด เพื่อสนับสนุนให้คนแข็งแรงจากภายใน เริ่มจากสถาบันที่เล็กที่สุดคือตัวเราเอง แล้วจึงขยายไปสู่ครอบครัวและสังคมรอบข้างต่อไป

ซึ่งศาสตร์นี้จะเรียกว่าเป็นวิทยาศาสตร์ทางจิตก็ได้ เพราะว่าเรื่องความคิดจิตใจของคนนั้นเป็นเรื่องสำคัญ คนเราจะสุขจะทุกข์ ก็ขึ้นอยู่กับว่าลึกๆเรากำลังคิดอะไรในหัว ไม่ว่าจะรู้ตัวหรือไม่รู้ตัวก็ตาม ซึ่งข่าวดีก็คือเราสามารถเรียนรู้เพื่อดูแลความคิดจิตใจของเรา เพื่อออกแบบชีวิตให้มีความสุขจากการความคิดและการกระทำของเราเองได้เสมอ….000

Loading

เทศบาลตำบลทับมา เดินหน้าโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดทำแผนพัฒนาเทศบาล ประจำปีงบประมาณ 2565

เมื่อวันที่ 9 พ.ย.ที่ห้องประชุมสภาเทศบาลตำบลทับมา อ.เมืองระยอง จ.ระยอง นายประเสริฐ วงษ์ศรี นายกเทศมนตรีตำบลทับมา เป็นประธานเปิดประชุมโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดทำแผนพัฒนาเทศบาล ประจำปีงบประมาณ 2565 มีผู้บริหาร หัวหน้าส่วนราชการเทศบาลตำบลทับมา คณะกรรมการพัฒนาท้องถิ่น คณะกรรมกรรมสนับสนุนการจัดทำแผนท้องถิ่น คณะกรรมการติดตามประเมินผลแผนพัฒนา กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และประธานกลุ่มต่างๆ ในพื้นที่ เข้าร่วมประชุม มี น.ส.เรวีญา ขจิตเนติธรรม ปลัดเทศบาลตำบลทับมา กล่าวรายงาน

นายประเสริฐ กล่าวว่า การจัดทำแผนพัฒนาท้องถิ่นมีความสำคัญต่อองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ทั้งนี้เนื่องจากแผนพัฒนาท้องถิ่นเป็นกรอบในการกำหนดทิศทางการพัฒนาให้มุ่งไปสู่สภาพการณ์อันพึงประสงค์ได้อย่างเท่าเทียม และมีความสอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี นโยบายรัฐบาล และกระทรวงมหาดไทย แผนพัฒนาจังหวัด/กลุ่มจังหวัด ให้เกิดความเชื่อมโยงและเป็นไปในทิศทางเดียวกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้การดำเนินงานบรรลุวัตถุประสงค์ เกิดการพัฒนาแบบมีส่วนร่วมของทุกฝ่าย เทศบาลตำบลทับมา จึงได้จัดโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดทำแผนพัฒนาเทศบาลตำบลทับมา ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2565 ดังกล่าวขึ้น เพื่อให้ผู้เข้ารับการอบรมมีความรู้ ความเข้าใจ และการแก้ไข เปลี่ยนแปลง การเพิ่มเติมแผนพัฒนาท้องถิ่น ตามระเบียบในการจัดทำแผนพัฒนาท้องถิ่นตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการจัดทำแผนพัฒนาท้องถิ่น พ.ศ.2548 แก้ไขเพิ่มเติมถึง (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2561 ตลอดจนมีความรู้ ความเข้าใจแนวทางการเชื่อมโยงแผนพัฒนาในระดับอำเภอและตำบลตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการจัดทำแผนและประสานแผนพัฒนาพื้นที่ในระดับอำเภอและตำบล พ.ศ.2562 รวมทั้งเพื่อเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจการจัดทำงบประมาณ หลักเกณฑ์และวิธีการจัดทำคำของบประมาณ การบริหารงบประมาณท้องถิ่นที่เกี่ยวข้องกับเงินอุดหนุนเฉพาะกิจเพื่อให้ผู้เข้ารับการอบรมเข้าใจขั้นตอน และกระบวนการติดตามและประเมินผลแผนพัฒนาท้องถิ่นอีกด้วย.

Loading

สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดระยอง สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดระยอง และภาคีเครือข่าย เปิดอบรมผู้ประกอบการท่องเที่ยว เตรียมพร้อมในการเปิดเมืองเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวและขับเคลื่อนเศรษฐกิจของจังหวัดระยอง เพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนดด้านการบริการและมาตรการด้านสาธารณสุข ภายใต้มาตรการ SHA และ SHA Plus

เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 9 พ.ย.ที่ห้องประชุมโรงแรมคามิโอ้แกรนด์ระยอง อ.เมืองระยอง จ.ระยอง นายยุทธพล องอาจอิทธิชัย รอง ผวจ.ระยอง เป็นประธานเปิดการประชุมอบรมผู้ประกอบการท่องเที่ยว เตรียมพร้อมในการเปิดเมืองเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวและขับเคลื่อนเศรษฐกิจของจังหวัดระยอง ซึ่งจัดขึ้นโดยสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดระยอง สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดระยอง สำนักงานท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดระยอง และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) สำนักงานระยอง และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดระยอง มีนายไพโรจน์ ปิติพันธรัตน์ นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดระยอง และนางสุวรรณา โดตี้ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดระยอง ร่วมเป็นเกียรติ มีผู้ประกอบการท่องเที่ยวในจังหวัดระยองกว่า 50 ราย เข้าร่วมอบรม มีนายวัชรพล สารสอน ผอ.ททท.ระยอง และนายแพทย์สุนทร เหรียญภูมิการกิจ สสจ.ระยอง บรรยายให้ความรู้การท่องเที่ยวภายใต้สถานการณ์โควิด-19 ทั้งนี้การอบรมดังกล่าว เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์เตรียมความพร้อมในการเปิดเมือง เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวและขับเคลื่อนเศรษฐกิจของจังหวัด เพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนดด้านการบริการและมาตรการด้านสาธารณสุข ภายใต้มาตรการ SHA และ SHA Plus เพื่อรองรับความปลอดภัยด้านสุขอนามัยให้กับนักท่องเที่ยวและเป็นการยกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรมท่องเที่ยวสร้างความมั่นใจและความปลอดภัยในภาคการท่องเที่ยวของจังหวัดระยอง

ด้าน นายวัชรพล สารสอน ผอ.ททท.ระยอง กล่าวว่า วัตถุประสงค์การอบรมครั้งนี้ เป็นการสื่อสารทิศทาง เป้าหมายและแผนการตลาดในปี 65 นี้ หลังสถานการณ์โควิด-19 ซึ่ง ททท.จะมีกิจกรรมร่วมกับผู้ประกอบการในการดึงดูดนักท่องเที่ยว และอีกด้านคือการเตรียมความพร้อมในการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ เพื่อที่จะสื่อสารรูปแบบการเดินทางเข้าประเทศไทยใน 3 รูปแบบหลักๆ คือ 1.โครงการ Test & Go(T&G) 2.Sandbox และ 3.Happy Quarantine โดยให้ผู้ประกอบการเข้าใจใน 3 รูปแบบดังกล่าว เพื่อเตรียมความพร้อมของจังหวัดระยอง เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวขาวต่างชาติได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของโรงแรมที่พักให้ได้มาตรฐาน SHA Plus ในหมวดยานยนต์ รถที่จะรับส่งนักท่องเที่ยวจากสนามบินมายังโรงแรมที่พัก จะต้องได้มาตรฐาน มีความสะอาด พนักงานได้รับการฉีดวัคซีน 70 เปอร์เซ็นขึ้นไป รวมทั้งจะมีการทำงานร่วมกันในการจัดกิจกรรมทางการท่องเที่ยวระหว่างผู้ประกอบการท่องเที่ยวกับ ททท.ระยองด้วย นายวัชรพล สารสอน ผอ.ททท.ระยอง กล่าวต่อว่า ภาพรวมการท่องเที่ยวในปี 62 มีนักท่องเที่ยว 7.8 ล้านคน รายได้หมุนเวียนประมาณ 3 หมื่น 7 พันล้านบาท ส่วนในปี 63-64 ติดลบทั้งจำนวนนักท่องเที่ยวและรายได้ลดลงหมด ซึ่ง ททท.ก็จะกำหนดกลยุทธ์และทิศทางการด้านการตลาดในปี 65 มีแผนส่งเสริมในกลุ่ม สปอร์ต เลิฟเวอร์ กลุ่มนักกีฬาที่มีกำลังจ่ายสูง ทั้งชาวต่างชาติที่ทำงานในจังหวัดระยองด้วย จะต้องดึงกลุ่มนี้ออกมาขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ให้มีอัตราการเข้าพักสูงขึ้น การกระจายรายได้ไปสู่กลุ่มต่างๆ ในพื้นที่ และการจัดกิจกรรมชุมชนท่องเที่ยว ททท.จะเข้าไปส่งเสริมแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ และ CSR เพื่อให้เกิดความยั่งยืน ซึ่งจะมีการประชาสัมพันธ์ดึงกลุ่มโรงงานอุตสาหกรรมใน จ.ชลบุรี และพระนครศรีอยุธยา มาสำรวจเส้นทางท่องเที่ยว เป็นต้น ทั้งนี้เพื่อเป็นการกระตุ้นการท่องเที่ยวของจังหวัดระยอง.

Loading

ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม เปิดตัว 1 ใน 10 สุดยอดชุมชนต้นแบบ “เที่ยวชุมชน ยลวิถี” ที่ชุมชนปากน้ำประแส จ.ระยอง

เมื่อเวลา 14.45 น.วันนี้ (8 พ.ย.64) นางยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม พร้อมนางทัศนีย์ ผลชานิโก รองอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ และคณะ เดินทางลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมชุมชนคุณธรรมน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ตามโครงการ 10 สุดยอดชุมชนต้นแบบ “เที่ยวชุมชน ยลวิถี” ณ ชุมชนบ้านเก่าริมน้ำประแส ต.ปากน้ำประแส อ.แกลง จ.ระยอง ซึ่งก่อนเดินทางถึงบริเวณจัดงาน ปลัดกระทรวงวัฒนธรรมและคณะ ได้เดินทางไปยังศาลกรมหลวงชุมพร เพื่อสักการะกรมหลวงชุมพรและพระครูวิมลคุณากร(หลวงปู่ศูข) ที่วัดปากคลองมะขามเฒ่า จากนั้นได้เดินทางไปเป็นประธานเปิดโครงการ 10 สุดยอดชุมชนต้นแบบ “เที่ยวชุมชน ยลวิถี” ณ วัดตะเคียนงาม ชุมชนคุณธรรมบ้านเก่าริมน้ำประแส โดยมีนายชาญนะ เอี่ยมแสง ผู้ว่าราชการ จังหวัดระยอง ให้การต้อนรับ


นางสุภาภรณ์ ยอดบริบูรณ์ ประธานชุมชนปากนำประแส กล่าวว่า ชาวปากน้ำประแสมีความผูกพันกับสายน้ำมาตั้งแต่อดีตไม่ว่าจะเป็นการดำเนินชีวิตและประกอบอาชีพ โดยเฉพาะอาชีพทางการประมง มีประเพณีที่สำคัญเป็นอัตลักษณ์ของชาวประแสมาตั้งแต่สมัยอยุธยา ทำให้ชุมชนบ้านเก่าริมน้ำประแส ถูกจัดให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวชุมชนเชิงวัฒนธรรมของจังหวัดระยอง เพราะเสน่ห์ของบ้านไม้เก่าที่ตั้งอยู่ริมน้ำ อายุเท่ากับคนรุ่นก๋ง หรือรุ่นทวด ที่ทอดยาวคู่ขนานไปตามเส้นทางถนนแคบๆ ราวหนึ่งกิโลเมตร หลายหลังมีการปรับปรุงดัดแปลงภายในให้เหมาะกับยุคสมัย แต่ภายนอกยังคงรูปลักษณ์ความเป็นบ้านเก่า นอกจากนี้ ยังมีผลิตภัณฑ์ที่แปรรูปจากประมง เช่น กะปิ น้ำปลา อาหารทะเลสด ถือว่าเป็นสินค้าที่โดดเด่น และมีอาหารพื้นบ้าน อาทิ ทอดมันประแส ยำปลาฮือแซ ผัดไทปู และบ้านพิพิธภัณฑ์ประแส ที่บอกเล่าเรื่องราวประวัติของชุมชน วิถีชีวิต ประเพณี วัฒนธรรมและสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ผ่านนิทรรศการภาพถ่าย ทำให้ชุมชนปากน้ำประแสได้รับคัดเลือกจากสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดระยอง ให้เป็นชุมชนคุณธรรมน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เมื่อปี พ.ศ.2560


นางยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม กลาวว่า กระทรวงวัฒนธรรมได้ขับเคลื่อนการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมโครงการ “เที่ยวชุมชน ยลวิถี” โดยนำอัตลักษณ์วิถีชีวิต วัฒนธรรมและประเพณีของชุมชน มาให้นักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติได้ชมและศึกษาเรียนรู้ โดยการคัดเลือกชุมชนคุณธรรมน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ขับเคลื่อนด้วยพลังบวรที่มีศักยภาพและความพร้อมด้านการท่องเที่ยวในทุกมิติ จาก 76 จังหวัด 228 ชุมชนให้เหลือ 10 ชุมชน เพื่อรับรางวัล 10 สุดยอดชุมชนต้นแบบ “เที่ยวชุมชน ยลวิถี” ซึ่งเป็นการมุ่งขับเคลื่อนโมเดลเศรษฐกิจใหม่ BCG ตามนโยบายของรัฐบาล โดยนำทุนทางวัฒนธรรมมาต่อยอดสร้างสรรค์สินค้าและบริการ เพื่อเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจจากการท่องเที่ยวและบริการทางวัฒนธรรม เพื่อสร้างงาน สร้างรายได้ให้แก่ประชาชนและชุมชน และยังเป็นการช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ หลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 คลี่คลายลง ซึ่งชุมชนปากน้ำาประแสแห่งนี้ เป็นชุมชนที่มีศักยภาพและความพร้อมด้านการท่องเที่ยวในทุกมิติ มีผลการดำเนินงานดีเด่น เป็นที่ประจักษ์ จึงได้รับการคัดเลือกให้เป็น 1 ใน 10 สุดยอดชุมชนต้นแบบ “เที่ยวชุมชน ยลวิถี” ในครั้งนี้ โดยทางชุมชนจะได้รับโล่รางวัลเกียรติยศจากนายกรัฐมนตรีในโอกาสต่อไป.

Loading

ภาคภูมิใจ เทศบาลตำบลทับมา รับรางวัลด้านการเสริมสร้างเครือข่ายรัฐ เอกชน และประชาสังคม ประจำปี 2564 ของสถาบันพระปกเกล้า หลังนำปัญหาที่เกิดขึ้นในพื้นที่มาแก้ไขต่อยอดจนสำเร็จ

เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 7 พ.ย.64 ที่ห้องประชุมสภาเทศบาลตำบลทับมา อ.เมืองระยอง จ.ระยอง นายประเสริฐ วงษ์ศรี นายกเทศมนตรีตำบลทับมา นำผู้บริหาร หัวหน้าส่วนราชการเทศบาลตำบลทับมา รับรางวัลด้านการเสริมสร้างเครือข่ายรัฐ เอกชน และประชาสังคม ประจำปี 2564 ของสถาบันพระปกเกล้า ผ่านการประชุมทางไกลระบบซูม โดยมี ศาสตราจารย์วุฒิสาร ตันไชย เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า เป็นประธานมอบฯ

นายประเสริฐ วงษ์ศรี นายกเทศมนตรีตำบลทับมา กล่าวว่า ก่อนหน้านี้เทศบาลตำบลทับมา ได้ผ่านเข้ารอบสุดท้ายในการพิจารณารับรางวัลพระปกเกล้า ประจำปี 2564 ด้านการเสริมสร้างเครือข่ายรัฐ เอกชน และประชาสังคม ซึ่งได้นำเสนอปัญหาที่เกิดขึ้นในพื้นที่มาแก้ไขต่อยอดเป็นโครงการพัฒนา โดยการบูรณาการร่วมกับเครือข่ายภาครัฐ เอกชน และประชาสังคม โครงการบริหารจัดการขยะแบบครบวงจรในพื้นที่ ขบวนโรสเสส โดยการมีส่วนร่วมของประชาชนในการจัดการขยะตั้งแต่ครัวเรือน หรือต้นทางจนถึงปลายทาง ทั้งขยะมูลฝอย ขยะอันตราย และขยะรีไซเคิล มีการนำขยะมาเพิ่มมูลค่า โดยการส่งเสริมกลุ่มอาชีพ มีศูนย์เรียนรู้การจัดการขยะ บ้าน วัด โรงเรียนด้วย เป็นการสร้างความเข้มแข็งของชุมชน นอกจากนี้ยังมีการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่ โดยการก่อสร้างพนังกั้นน้ำ ประตูระบายน้ำ และโรงสูบน้ำ ซึ่งเป็นที่มาของการได้รับรางวัลดังกล่าวในครั้งนี้.