Loading

ตำนานป่ารีสอร์ท จ.ระยอง นำถุงยังชีพ เครื่องอุปโภคบริโภคแจกจ่ายประชาชนในพื้นที่ บรรเทาความเดือดร้อนช่วงโควิด-19 แพร่ระบาด

เมื่อวันที่ 18 ก.ย.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอุดร สุทธิเสน ผจก.ทั่วไป ตำนานป่ารีสอร์ท ต.เพ อ.เมือง จ.ระยอง เป็นตัวแทนของผู้บริหาร และพนักงานทั้งส่วนร้านอาหาร และรีสอร์ท ส่งมอบถุงยังชีพ เครื่องอุปโภคบริโภคจำนวนหนึ่งให้กับนายเจนณรงค์ พร้อมลาภ ปลัดอำเภอเมืองระยอง และนายประเสริฐ จันทรา ผู้ใหญ่บ้าน ม.7 ต.เพ เพื่อนำเครื่องอุปโภคบริโภคดังกล่าว ไปแจกจ่ายให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 หรือโควิด-19 ทั้งนี้เพื่อเป็นการช่วยเหลือซึ่งกันและกันในการบรรเทาความเดือดร้อนจากการขาดรายได้ในช่วงดังกล่าว รวทั้งเป็นการแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันอีกด้วย.

Loading

บริษัท เอ็ชเอ็มซี โปลีเมอส์ จำกัด มอบชุด PPE แก่บุคลากรทางการแพทย์โรงพยาบาลในจังหวัดระยอง ไว้ใช้ปฏิบัติหน้าที่ดูแลผู้ป่วยโควิด-19

เมื่อวันที่ 17 ก.ย.ที่ห้องโถงชั้น 1 มุขหน้าศาลากลางจังหวัดระยอง ศูนย์ราชการจังหวัดระยอง ต.เนินพระ อ.เมือง จ.ระยอง นายอนันต์ นาคนิยม รองผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง นายพิสัณห์ เนื่องจำนงค์ คลังจังหวัดระยอง และนายกุมพล ชวนชม ประชาสัมพันธ์จังหวัดระยอง รับมอบชุด PPE แบบคุมทั้งตัว จำนวน 2,300 ชุด จากนางสาวบุปผาพรรณ พานทอง ผู้จัดการฝ่ายกิจการสัมพันธ์และความรับผิดชอบต่อสังคม บริษัท เอ็ชเอ็มซี โปลีเมอส์ จำกัด เพื่อนำไปมอบให้แพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลหลัก โรงพยาบาลสนามและศูนย์พักคอยต่างๆ ในจังหวัดระยอง ไว้ใช้ปฏิบัติหน้าที่ดูแลผู้ป่วยโควิด-19 นอกจากนี้ยังได้นำชุด PPE แบบผูกเชือกด้านหลัง จำนวนหนึ่ง พร้อมข้าวกล่องอีก จำนวน 600 กล่อง ไปมอบให้เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่ในการตรวจหาเชื้อโควิด-19 แบบ ATK จุดตรวจหาเชื้อ และโรงพยาบาลสนามอีกด้วย


ทั้งนี้การสนับสนุนอุปกรณ์ทางการแพทย์ดังกล่าว ทางบริษัทฯ มุ่งเน้นได้ให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพ และเป็นส่วนเสริมความแข็งแกร่งให้กับหน่วยงานต่างๆ ภายในจังหวัดระยอง ที่ขาดแคลนอุปกรณ์ทางการแพทย์ เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนในการดูแลสุขภาพผู้คนครบทุกมิติ ครอบคลุมทุกด้าน อีกทั้งเป็นการสร้างการมีส่วนร่วมระหว่างบริษัท หน่วยงานภาครัฐและเอกชน และชุมชน ทำให้เกิดการอยู่ร่วมกันอย่างผาสุกต่อไป.

Loading

ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง รับมอบถุงยังชีพ พร้อมข้าวกล่อง 5,000 ชุด จาก บ.ไออาร์พีซี จำกัด(มหาชน) ส่งมอบประชาชนที่ได้รับผลกระทบโควิด-19 ใน 2 ตำบลของ อ.เมืองระยอง

เมื่อเวลา 08.30 น.วันที่ 16 ก.ย.ที่บริเวณห้องโถงชั้น 1 มุขหน้าศูนย์ราชการจังหวัดระยอง ต.เนินพระ อ.เมือง จ.ระยอง นายชาญนะ เอี่ยมแสง ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง ว่าที่ ร.ต.พิรุณ เหมะรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง นายพิสัณห์ เนื่องจำนงค์ คลังจังหวัดระยอง และนายกุมพล ชวนชม ประชาสัมพันธ์จังหวัดระยอง รับมอบถุงยังชีพ มีข่าวสาร อาหารแห้ง น้ำดื่ม และชุดป้องกันโควิด-19 มีเจลแอลกอฮอล์ และหน้ากากอนามัย จำนวน 5,000 ชุด และข้าวกล่องอีกจำนวนหนึ่ง จากนายรัฐพล อุณากัณฑ์พร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการผู้จัดการใหญ่ สายงานโครงสร้างสาธารณูปโภค โลจิสติกส์ และปฏิบัติการเพื่อความเป็นเลิศ บ.ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) และนายวิเชียร อาจองค์ ผู้จัดการ หน่วยงานกิจการเพื่อสังคมและชุมชนสัมพันธ์ บ.ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็น บ.ยักษ์ใหญ่ด้านปิโตรเคมี ทั้งนี้ เพื่อนำส่งมอบให้กับประชาชนในพื้นที่ตำบลบ้านแลง และตำบลตะพง อ.เมืองระยอง เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายประจำวันของพี่น้องประชาชน ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19

Loading

“บิ๊กโจ๊ก” ลงพื้นที่ ตรวจเยี่ยมโครงการสมาร์ทเชฟตี้โซน 4.0 นวัตกรรมเทคโนโลยีป้องกันอาชญากรรม ของ สภ.เมืองระยอง พร้อมเน้นย้ำการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนในการแจ้งเหตุ และการทำงานเชิงรุกการป้องกันนำการปราบปราม.

      วันที่ 15 ก.ย.  พลตำรวจโท สุรเชษฐ์ หักพาล ที่ปรึกษาสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สบ.9) ได้เดินทางไปยังจังหวัดระยอง เพื่อตรวจติดตามโครงการ”สมาร์ทเชฟตี้โซน 4.0 ”ของ สภ.เมืองระยอง โดยได้เข้าชมวีดีทัศน์และฟังบรรยายสรุปการดำเนินโครงการภายในห้องประชุมศูนย์ควบคุมสั่งการ ตำรวจภูธรจังหวัดระยอง จากพลตำรวจตรี มานะ อินพิทักษ์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 2 รักษาราชการแทนผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดระยอง และพันตำรวจเอก พรัชต์ศรุต วัชรโยธิน ผู้กำกับการ สภ.เมืองระยอง ก่อนจะลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมสมาร์ทเชฟตี้โซนส่วนหน้า บริเวณหน้า บ.ข.ส.เก่า พร้อมทั้งแจกหน้ากากอนามัยและเจลล้างมือแก่ผู้ประกอบการร้านค้าในตลาดแม่แดง

    สำหรับ สภ.เมืองระยอง เป็น 1 ใน 15 สภ.ทั่วประเทศ ที่ได้เป็นโรงพักนำร่องในการการดำเนินโครงการดังกล่าว ด้วยนวัตกรรมเทคโนโลยีอัจฉริยะสุดล้ำและการร่วมมือภาคประชาชน เพื่อสร้างความเชื่อมั่น อุ่นใจ ปลอดภัย ในชุมชน โดยมีพื้นที่ครอบคลุมดูแล 4.4 ตารางกิโลเมตร เขตพื้นที่เทศบาลนครระยอง เทศบาลตำบลเนินพระ และเทศบาลตำบลเชิงเนิน ประชากร 8,053 ครัวเรือน ด้วยการนำเทคโนโลยีมาเป็นเครื่องมือในการป้องกันอาชญากรรมดังกล่าว ประกอบด้วย 1.การติดตั้งระบบกล้อง CCTV จำนวน 130 ตัว ในจุดที่สำคัญ ซึ่งมีทั้งกล้องวิเคราะห์ทะเบียนรถและจดจำใบหน้าคนอย่างชัดเจน และห้องควบคุม CCOC  กล้องวงจรปิดที่ใช้ในงานสืบสวน จราจรและสายตรวจ 24 ชั่วโมง 2. ตู้แดง 4.0  3.แอพพลิเคชั่น police I lert u 4.โครงการฝากบ้านกับตำรวจ 4.0  5.ติดตั้งระบบ GPS ในรถสายตรวจ 6.ระบบแจ้งเอกสารหายออนไลน์ 7.การสร้าง Line official account ของโครงการ 8.การใช้ระบบไฟฟ้าโซลาเซล และ 9.เสาไฟฟ้าอัจฉริยะ เพื่อดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในพื้นที่

       พลตำรวจโท สุรเชษฐ์ หักพาล ที่ปรึกษาสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สบ.9)กล่าวในการประชุมมอบนโยบายและแนวทางการดำเนินโครงการสมาร์ทเชฟตี้โซน 4.0 ว่า โครงการสมาร์ทเชฟตี้โซน 4.0 เป็นโครงการที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้ริเริ่ม เพื่อเป็นการโครงการที่นำการทำงานรูปแบบใหม่ของตำรวจ คือการทำงานเชิงรุก การป้องกันนำการปราบปราม ซึ่งตรงใจกับความต้องการของประชาชน และโครงการสมาร์ทเชฟตี้โซน 4.0 ต่อยอดมาจากโครงการตำรวจชุมชนสัมพันธ์ เพื่อให้เป็นเมืองอัจฉริยะโดยมีการนำร่อง 15 สถานีตำรวจในเมืองหลักที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ เพื่อเปิดประเทศในระยะอันใกล้ และรองรับนักท่องเที่ยว นักลงทุนที่จะเข้ามาลงทุน เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่น ความศรัทธาต่อประเทศ หลังจาก 1 ตุลาคม นี้ เป็นต้น ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มีนโยบายจะขยายเพิ่ม 1 จังหวัด 1 โครงการสมาร์ทเชฟตี้โซนทั่วทั้งประเทศ เมื่อทำโครงการสมาร์ทเชฟตี้โซน 4.0 เสร็จแล้ว ทุกภาคส่วน และประชาชนในชุมชนจะต้องเข้ามามีส่วนร่วมในการแจ้งเหตุ เพื่อให้การป้องกันเหตุได้รวดเร็วขึ้น  

      อย่างไรก็ตามในส่วนของเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการกำชับเน้นให้การมีหุ้นส่วน หรือส่วนร่วมของภาคประชาชน และการบูรณาการการทำงานร่วมกันกับทุกภาคส่วน รวมทั้งการทำงานเชิงรุกเน้นการทำงานเน้นการป้องกันนำการปราบปรามด้วย….000

Loading

อุตสาหกรรมจับมือพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ยกระดับ 10 SME สามจังหวัดชายแดนใต้สู่ Smart SME หลังปรับปรุงธุรกิจด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม สามารถเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน และลดต้นทุนการผลิตรวมไม่น้อยกว่า 1,000,000 บาทต่อปี

        เมื่อเร็วๆ นี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กระทรวงอุตสาหกรรม โดยสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดนราธิวาส สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดปัตตานี และสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดยะลา ร่วมกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ คัดเลือก 10 ผู้ประกอบการจากสามจังหวัดชายแดนใต้ เข้าร่วมกิจกรรมการส่งเสริมและพัฒนา SME เป็น smart SME และยกระดับ SME ให้ก้าวสู่ 4.0 หลังผ่านการอบรมในสามหลักสูตรเข้มข้น สามารถปรับปรุงธุรกิจ เสริมความแกร่ง และลดต้นทุนการผลิต หรือเพิ่มยอดขายได้ รวมไม่น้อยกว่า 1,000,000 บาทต่อปี

   นายคณบดี สัมพัชนี อุตสาหกรรมจังหวัดนราธิวาส เปิดเผยภายหลังเป็นประธานในการมอบประกาศนียบัตรแก่ผู้ประกอบการ SME จำนวน 10 รายจากสามจังหวัดชายแดนใต้ ผ่านระบบออนไลน์ ว่าการพัฒนาอุตสาหกรรมเกษตรและอุตสาหกรรมแปรรูปการเกษตร เพื่อสร้างความมั่นคงให้กับภาคการผลิตนั้น ถือเป็นยุทธศาสตร์หนึ่งของแผนพัฒนาภาคใต้ชายแดน พ.ศ. 2560-2565 เนื่องจากภาคอุตสาหกรรมของ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ในปัจจุบันส่วนใหญ่ยังเป็นอุตสาหกรรมแปรรูปการเกษตรขั้นต้น หรืออุตสาหกรรมต่อเนื่องจากภาคเกษตรที่มีการใช้เทคโนโลยีขั้นต้น และเป็นผลิตภัณฑ์เดิมที่มีมูลค่าเพิ่มต่ำ ยังขาดการต่อยอดสู่อุตสาหกรรมใหม่ๆ เช่น อุตสาหกรรมแปรรูปอาหาร อุตสาหกรรมแปรรูปยางพารา และอุตสาหกรรมแปรรูปไม้ยางพารา กระทรวงอุตสาหกรรม จึงได้ร่วมกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ จัดทำกิจกรรมการส่งเสริมและพัฒนา SME เป็น Smart SME และยกระดับ SME ให้ก้าวสู่ 4.0 ภายใต้โครงการเสริมสร้างวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมให้มีศักยภาพในการแข่งขัน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 เพื่อคัดเลือกผู้ประกอบการจากสามจังหวัดชายแดนใต้เข้ารับการบ่มเพาะฝึกอบรมในสามหลักสูตรหลักเพื่อพัฒนาสู่การเป็น Smart SME ซึ่งผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการทั้ง 10 รายนั้น หลังจากจบโครงการฯ พบว่าสามารถปรับปรุงและพัฒนาธุรกิจด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม จนสามารถลดต้นทุน หรือเพิ่มรายได้ รวมไม่น้อยกว่า 1,000,000 บาทต่อปี

  ด้าน ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.วิชัย รุ่งเรืองอนันต์ หัวหน้าโครงการเสริมสร้างวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมให้มีศักยภาพในการแข่งขัน มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ กล่าวถึงโครงการนี้ว่า เนื่องจากผู้ประกอบการในสามจังหวัดชายแดนใต้ส่วนมากยังคงประสบปัญหาหรืออุปสรรคต่างๆ ในการพัฒนาธุรกิจ ทั้งในด้านเทคโนโลยีการผลิต มาตรฐานผลิตภัณฑ์ การบริหารจัดการ การตลาด ระบบบัญชีและการเงิน รวมถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ซึ่งยังคงเป็นรูปแบบเดิมที่ไม่มีการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อตอบโจทย์ของตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป และยังขาดการเสริมสร้างศักยภาพ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน

            จังหวัดปัตตานีนั้น พบว่ามีสัดส่วนของอุตสาหกรรมแปรรูปอาหารอยู่มากที่สุด จังหวัดยะลามีสัดส่วนของอุตสาหกรรมยางและอุตสาหกรรมแปรรูปไม้ยางพารามากที่สุด และจังหวัดนราธิวาสมีสัดส่วนของอุตสาหกรรมการก่อสร้าง อุตสาหกรรมอาหาร และอุตสาหกรรมไม้และผลิตภัณฑ์จากไม้มากที่สุด ซึ่งอุตสาหกรรมต่างๆ เหล่านี้ หากได้รับการพัฒนาต่อยอดด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมก็จะสามารถส่งเสริมให้ผู้ประกอบการก้าวสู่การเป็น Smart SME ได้ ซึ่งโครงการนี้ฯ ได้มีการรับสมัครและคัดเลือกผู้ประอบการเข้าร่วมโครงการจำนวน 10 ราย ได้แก่

1)ห้างหุ้นส่วนจำกัด โค้วน่ำฮึงสุไหงโก-ลก (จ.นราธิวาส) 2)บริษัท บี แอนด์ เอ็ม โกลด์ ฟรุ๊ต จำกัด (จ.นราธิวาส)

3)บริษัท นารา วิสาหกิจเพื่อสังคม จำกัด (จ.นราธิวาส) 4)บริษัท อาหารสำเร็จรูปสุไหงโก-ลก จำกัด (จ.นราธิวาส)

5)บายะเฟอร์นิเจอร์ (จ.นราธิวาส) 6)ห้างหุ้นส่วนจำกัด ลียาฮาลาลฟู้ดส์ (จ.ปัตตานี)

7)บริษัท บ้านกล้วย(2017) จำกัด (จ.ปัตตานี) 8)บริษัท ปลาแห้ง ซามากุน จำกัด (จ.ปัตตานี)

9)ดี เดคคอร์ เฟอร์นิเจอร์ บิวอิน (จ.ปัตตานี) 10)บริษัท ตอยยีบัน ฟู้ดส์ จำกัด (จ.ยะลา)

            ผู้ประกอบการ SME ทั้ง 10 รายนี้ ได้ผ่านการอบรมในสามหลักสูตรเข้มข้นเพื่อพัฒนาเป็น Smart SME ทั้งการเรียนรู้ทักษะ Smart SME การดำเนินธุรกิจในระบบตลาดดิจิทัล และการพัฒนาเทคโนโลยีและการสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ในเชิงการแข่งขัน ซึ่งสถานประกอบการแต่ละแห่งจะได้รับการถ่ายทอดความรู้ที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ เช่น การจัดการต้นทุนพลังงานเพื่อเป็น Smart SME การใช้ Enterprise Resource Planning หรือ ERP เพื่อการจัดการอุตสาหกรรม และการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี IoT เพื่อต่อยอดธุรกิจ เป็นต้น

            “ความสำเร็จของโครงการฯ นี้ คือเราสามารถพัฒนาผู้ประกอบการ SME ทั้ง 10 ราย ให้สามารถแก้ไขปัญหาในธุรกิจ ทั้งในด้านการบริหารต้นทุน การบริหารงานด้วยเทคโนโลยี การบริหารคน ซึ่งช่วยลดข้อผิดพลาดในการทำงาน และแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่เคยเกิดขึ้นในกระบวนการผลิตได้จนเห็นผลเป็นรูปธรรมชัดเจน และเราคาดหวังว่าผู้ประกอบการทั้งสิบรายนี้จะได้เป็นแบบอย่าง และเป็นแรงบันดาลใจในการเรียนรู้และขับเคลื่อนธุรกิจให้ก้าวสู่การเป็น Smart SME ที่สามารถแข่งขันในโลกยุคใหม่ได้ต่อไป”

Loading

   ททท.และสื่อมวลชน เยี่ยมชมศูนย์การเรียนรู้การจัดการขยะโดยใช้กระบวนการโรสเสส(ROSES)แบบครบวงจร ชุมชนบ้านสะพานหิน จ.ระยอง โดยเทศบาลตำบลทับมา ได้นำการแก้ไขปัญหา และต่อยอดเป็นนวัตกรรมการจัดการขยะแบบครบวงจรโดยการมีส่วนร่วมขึ้น จนเป็นชุมชนต้นแบบและได้รับรางวัลชนะเลิศ เทศบาลด้านสิ่งแวดล้อมยั่งยืนยอดเยี่ยมระดับประเทศ ประจำปี 2563

      เมื่อวันที่ 11 ก.ย.ที่ศูนย์การเรียนรู้การจัดการขยะโดยใช้กระบวนการโรสเสส(ROSES)แบบครบวงจร แห่งที่ 17 กลุ่มแม่บ้านเกษตรกรชุมชนบ้านสะพานหิน ม.8 ต.ทับมา อ.เมือง จ.ระยอง นายประเสริฐ วงษ์ศรี นายกเทศมนตรีตำบลทับมา นางสาวเรวีญา ขจิตเนติธรรม ปลัดเทศบาลตำบลทับมา นายสรวิชญ์ เพชรนคร รองปลัดเทศบาลตำบลทับมา นางสาวปรานี จิตติรบำรุง ประธานกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรชุมชนบ้านสะพานหิน และคณะทำงานศูนย์การเรียนรู้การจัดการขยะโดยใช้กระบวนการโรสเสส(ROSES)แบบครบวงจร แห่งที่ 17 กลุ่มแม่บ้านเกษตรกรชุมชนบ้านสะพานหิน ให้การต้อนรับคณะเจ้าหน้าที่จากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.)และนิตยสารกรีนไลฟ์พลัส นำโดยนายบุรินทร์ ลาดล่าย ประธานกรรมการนิตยสารกรีนไลฟ์พลัส ซึ่งได้เดินทางมาศึกษาดูงานการบริหารจัดการขยะของเทศบาลตำบลทับมา และการมีส่วนร่วมของชุมชนในพื้นที่ ภายใต้กิจกรรม “CSR DAY ปักหมุดรักษ์ทะเลไทย” โดยได้เยี่ยมชมสินค้า และผลิตภัณฑ์ที่มีการต่อยอดจากการจัดการขยะของกลุ่มผู้ผลิตในชุมชนดังกล่าว เช่น กลุ่มเลี้ยงชันโรง ที่มีการผลิตเป็นน้ำผึ้ง สบู่ ยาสระผมจากชันโรง กลุ่มผลิตปุ๋ยมูลไส้เดือน โดยนำขยะประเภทผักและเศษอาหารจากครัวเรือนมาเลี้ยงไส้เดือน การทำหมอนหลอดและผ้าร่มเคลื่อนย้ายผู้ป่วยติดเตียง โดยนำหลอดดูดน้ำพลาสติกและผ้าร่มเหลือใช้มารีไซเคิล กลุ่มผลิตสมุนไพร เพื่อสุขภาพ และกลุ่มผลิตพริกแกง ไข่เค็ม และกะปิ เป็นต้น ทั้งนี้เพื่อนำไปเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ เพื่อเป็นต้นแบบให้พื้นที่อื่นนำไปเป็นแบบอย่าง และเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวต่อไป นอกจากคณะฯ นี้ยังได้ร่วมทอดผ้าป่าขยะ โดยนำถังคัดแยกขยะถวายพระครูปริยัติสุวัฒนาภรณ์ เจ้าอาวาสวัดทับมา ซึ่งวัดทับมา เป็นวัดในพื้นที่ที่มีส่วนร่วมในการลดและคัดแยกขยะตั้งแต่ต้นทางด้วย

      นายประเสริฐ วงษ์ศรี นายกเทศมนตรีตำบลทับมา กล่าวว่า เทศบาลตำบลทับมา ได้ดำเนินกิจกรรมโครงการเวส ว๊าว ทับมา ทัวริสซึ่ม เฮลธ์ (Waste Wow Thapma Tourism & Health)สู่เมืองสิ่งแวดล้อมน่าอยู่อย่างยั่งยืน โดยการนำปัญหาที่เกิดขึ้นในพื้นที่มาแก้ไขและพัฒนาต่อยอดเป็นนวัตกรรมการจัดการขยะแบบครบวงจรโดยการมีส่วนร่วม บ้าน วัด โรงเรียน(บวร)จนเป็นที่ประจักษ์ นำไปสู่การเป็นชุมชนต้นแบบและได้รับรางวัลชนะเลิศ เทศบาลด้านสิ่งแวดล้อมยั่งยืนยอดเยี่ยมระดับประเทศ ประจำปี 2563….000

Loading

GPSC Group ร่วมกับ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยส่งมอบกล่องห่วงใย (Care Box) สู้ภัยโควิด-19

เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2464 บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC Group แกนนำนวัตกรรมธุรกิจไฟฟ้ากลุ่ม ปตท. นำโดยคุณสมชัย กลิ่นสุวรรณมาลี ผู้จัดการส่วนกิจการเพื่อสังคม ร่วมกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือ ส.อ.ท. สนับสนุนกล่องห่วงใย (Care Box) จำนวน 500 กล่อง มูลค่าทั้งสิ้น 444,000 บาท

ส่งมอบให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั้งในพื้นที่จังหวัดระยองและชลบุรี สำหรับนำไปช่วยเหลือผู้ติดเชื้อที่ต้องกักตัวตามศูนย์แยกโรคชุมชน (Community Isolation) รวมทั้งผู้ติดเชื้อที่ต้องกักตัวอยู่ที่บ้าน(Home Isolation) ในสถานการณ์โควิด-19

ธนัญธร รวงผึ้ง

Loading

วิทยาลัยการอาชีพสอยดาว มอบสิ่งประดิษฐ์และอุปกรณ์ป้องกันโควิด-19 ให้ รพ.สถานพยาบาล และหน่วยงราชการ เพื่อใช้ป้องกันโควิดแพร่ระบาดในวงกว้าง

      เมื่อวันที่ 8 ก.ย.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายยุทธนา อ่อนส้มกฤษ ผู้อำนวยการวิทยาลัยการอาชีพสอยดาว พร้อมด้วยคณะผู้บริหารและครูวิทยาลัยการอาชีพสอยดาว ร่วมมอบสิ่งประดิษฐ์และอุปกรณ์ช่วยเหลือทางการแพทย์ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019(COVID-19) ประกอบด้วย ตู้พ่นหมอกฆ่าเชื้อ และเครื่องวัดอุณหภูมิ และจ่ายแอลกอฮอล์ 3 IN 1 ให้กับนายปกครอง บุญชูกุล นายอำเภอสอยดาว จังหวัดจันทบุรี เพื่อนำไปมอบให้องค์การบริหารส่วนตำบลและเทศบาลในพื้นที่อำเภอสอยดาว ในการดูแลผู้ป่วยสถานพยาบาล โรงพยาบาลสนามและศูนย์พักคอย

นอกจากนี้ นายยุทธนา อ่อนส้มกฤษ ผู้อำนวยการวิทยาลัยการอาชีพสอยดาว พร้อมด้วยคณะผู้บริหารและครูฯ ยังห่วงใยบุคลากร เจ้าหน้าที่ของรัฐ และประชาชนที่เดินทางมาติดต่อราชการ จึงได้นำสิ่งประดิษฐ์และอุปกรณ์ช่วยเหลือทางการแพทย์ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019(COVID-19)ดังกล่าว ไปมอบให้โรงพยาบาลสอยดาว สถานีตำรวจภูธรสอยดาว สำนักงานสาธารณสุขอำเภอสอยดาว เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในวงกว้างต่อไป.

Loading

โรงงานอุตสาหกรรมใน อ.นิคมพัฒนา จ.ระยอง ทุ่มงบกว่า 20 ล้านบาท ก่อสร้าง รพ.สนาม ขนาด 207 เตียง พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน โดยใช้เวลาเพียง 60 วันในการก่อสร้างจนแล้วเสร็จ ส่งมอบให้ รพ.นิคมพัฒนา พร้อมเปิดใช้ทันที

          เมื่อวันที่ 9 ก.ย.ดร.สมชัย ไทยสงวนวรกุล ประธานกรรมการ บ.เอส เอ็น ซี ฟอร์เมอร์ จำกัด(มหาชน) ส่งมอบรพ.สนาม SNC ขนาด 207 เตียง ให้กับ รพ.นิคมพัฒนา หลังมีการก่อสร้างแล้วเสร็จสมบูรณ์พร้อมเปิดใช้อย่างเป็นทางการ โดยมีนายชาญนะ เอียมแสง ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง นายภิรมย์ ชุมนุม นายอำเภอนิคมพัฒนา นายแพทย์ สุนทร เหรียญภูมิการกิจ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดระยอง นายแพทย์โกมล ภู่ธนถาวร ผอ.รพ.นิคมพัฒนา ร่วมรับมอบและเยี่ยมชม

        ทั้งนี้ รพ.รพ.สนาม SNC ดังกล่าว ซึ่งตั้งอยู่บริเวณด้านหลัง รพ.นิคมพัฒนา ต.พนานิคม อ.นิคมพัฒนา ได้รับงบประมาณสนับสนุนการก่อสร้างโดย บ.เอส เอ็น ซี ฟอร์เมอร์ จำกัด(มหาชน) ประมาณ 20 ล้านบาท โดยใช้ระยะเวลาก่อสร้างประมาณ 60 วันจนแล้วเสร็จ โดยเป็น รพ.สนาม ขนาดพื้นที่ 2,000 ตร.ม.รองรับผู้เข้ารับการรักษาจำนวน ทั้งสิ้น 207 เตียง พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ มีโซนผู้ป่วยสีเขียวสำหรับผู้ชาย 99 เตียง และหญิง 99 เตียง มีห้องผู้ป่วยสีเหลืองอีก 9 เตียง โดยมีเครื่องผลิตออกซิเจนประจำทุกกเตียง และมีการติดตั้งเครื่องปรับอากาศ ขนาด 24,000 BTU จำนวน 2 เครื่องภายในอาคารด้วย รวมทั้งมีห้อง X-RAY ห้องอาบน้ำ ห้องน้ำทั้งโซนชาย-หญิง และสำหรับผู้พิการ มีการติดตั้งกล้อง CCTV ภายในอาคาร จำนวน 10 จุด และ ติดตั้งกล้อง CCTV ภายนอกอาคารอีกจำนวน 6 จุดอีกด้วย

            นอกจากนี้ยังมีการนำรถ AGV จำนวน 2 คันมาใช้นำส่งอาหาร และเครื่องดื่มถึงเตียงผู้ป่วยด้วย โดยบุคลากรทางการแพทย์ไม่จำเป็นต้องเข้าไปในพื้นที่ชั้นใน และแพทย์และพยาบาล สามารถสื่อสารกับผู้ป่วยได้แบบเห็นภาพและเสียง ผ่าน Intercom และ Tablet ที่ติดตั้งอยู่บนรถ AGV โดยแพทย์และพยาบาลสามารถระบุตำแหน่งเตียงของผู้ป่วย ระบุชื่อผู้ป่วย เพื่อสั่งให้รถ AGV เดินทางไปยังเตียงของผู้ป่วยได้อย่างแม่นยำ ทั้งนี้เมื่อสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายลง รพ.สนามแห่งนี้สามารถปรับให้เป็นอาคารผู้ป่วยขนาด 100 เตียงได้ในอนาคต.

Loading

    เกษตรจังหวัดระยอง จับมือหน่วยงานสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จัดโครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ในพระราชานุเคราะห์สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ให้บริการปรึกษาอาชีพด้านการเกษตรแก่เกษตรกร

      เมื่อวันที่ 8 ก.ย.ที่อาคารอเนกประสงค์สำนักงานเกษตรจังหวัดระยอง อ.เมือง จ.ระยอง นายชาญนะ เอี่ยมแสง ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ในพระราชานุเคราะห์สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม 2564 มีนางสาวสุพรรณษา สุขเทศน์ เกษตรจังหวัดระยอง นำส่วนราชการสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดบูธให้บริการ คำปรึกษาและสนับสนุนปัจจัยการผลิต เมล็ดพันธุ์พืช เช่น พริกขี้หนู แตงกวา ถั่วฝักยาว คะน้า และต้นกล้าฟ้าทะลายโจร แก่เกษตรอำเภอทั้ง 8 อำเภอ เพื่อให้นำแจกจ่ายเกษตรกรและประชาชนต่อไป

       นางสุพรรณษา กล่าวว่า เนื่องในวโรกาสอันเป็นสิ่งมหามงคลที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อครั้งทรงดำรงพระราชอิสริยยศ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมารทรงมีพระชนมายุครบ 50 พรรษา ในพุทธศักราช 2545 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีความปลื้มปิติและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณล้นเกล้าล้นกระหม่อมหาที่สุดมิได้ และด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงมีต่อกระทรวงเกษตรและสหกรณ์สุดที่จะพรรณนา ทุกครั้งที่เสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมเยือนพสกนิการในถิ่นทุรกันดาร โดยไม่เห็นแก่ความเหน็ดเหนื่อย ด้วยทรงมีพระราชประสงค์ที่จะให้ความเป็นอยู่ของพสกนิกรเหล่านั้นดีขึ้น  พระราชกรณียกิจดังกล่าว เป็นความประทับใจแก่ปวงชนชาวไทยมาโดยตลอด ในวโรกาสดังกล่าวเห็นควรจัดทำโครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความร่วมมือของงานวิจัย พัฒนา และงานบริการวิชาการเกษตร ให้สามารถนำไปใช้ประโยชน์ในพื้นที่เป้าหมายที่มีศักยภาพการผลิตในรูปแบบบูรณาการ ซึ่งเป็นกลไกของชุมชนในการรณรงค์ฟื้นฟูเกษตรกร และแก้ไขปัญหาร่วมกันในรูปกิจกรรมให้บริการเคลื่อนที่ และกิจกรรมเสริมสร้างความรู้และการฝึกอบรม

      ซึ่งการเปิดโครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ฯ ดังกล่าว มีหน่วยงานสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 13 หน่วยงาน มาให้บริการคำปรึกษา และความรู้ทั้งพืช สัตว์ ประมง ดิน และน้ำ เป็นต้น….000