ขนส่งจังหวัดระยอง คุมเข้มมาตรฐานความปลอดภัยของสถานีขนส่งฯ และรถโดยสาร ป้องกันโควิด-19 อย่างเคร่งครัด พร้อมกับจัดรถเสริมให้เพียงพอ ป้องกันปัญหาผู้โดยสารตกค้าง

เมื่อวันที่ 30 ธ.ค.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางสาวพิสมัย เกิดทรัพย์ ผู้ตรวจราชการกรมการขนส่งทางบก ได้เดินทางไปตรวจติดตามการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ขนส่งจังหวัดระยอง และประจำที่สถานีขนส่งผู้โดยสารแห่งที่ 2 ต.เนินพระ อ.เมือง จ.ระยอง เพื่อกำกับดูแลผู้ประกอบการเดินรถโดยสารในการอำนวยคาวมสะดวกประชาชนที่เดินทางกลับภูมิลำเนาช่วงเทศกาลปีใหม่ 2565 นี้

นายเจนวิทย์ ปัญญาภู นักวิชาการขนส่งชำนาญการพิเศษ เปิดเผยว่า สำนักงานขนส่งจังหวัดระยองได้เตรียมอำนวยความสะดวกสำหรับประชาชนในการเดินทางกลับภูมิลำเนาไว้ 3 ช่วง คือช่วงก่อนเทศกาลปีใหมี ระหว่างวันที่ 22-28 ธันวาคม ช่วงเทศกาลปีใหม่ ระหว่างวันที่ 29 ธันวาคม – 4 มกราคม 2565 และช่วงหลังปีใหม่ โดยร่วมกับสถานตรวจสภาพรถเอกชน หรือ ตรอ.ตรวจสภาพรถให้พร้อมก่อนออกเดินทาง จัดหารถเสริมให้พียงพอกับผู้โดยสารที่จะเดินทาง ทั้งเที่ยวไปและกลับไม่ให้มีผู้โดยสารตกค้าง การตั้งศูนย์คุ้มครองผู้โดยสารรถสาธารณะชั่วคราว การจัดระเบียบในการเดินรถ นอกจากนี้ยังได้วางมาตรการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน โดยการตรวจความพร้อมของรถและพนักงานขับรถก่อนนำรถออกให้บริการ การออกตรวจจับความเร็วของรถโดยสาร โดยจัดเจ้าหน้าที่ตรวจสอบการเปิดใช้งานระบบ GPS ของรถโดยสารสาธารณะภายในสถานขนส่งผู้โดยสาร ซึ่งผลการดำเนินการ ตั้งแต่วันที่ 22- 30 ธันวาคมที่ผ่านมา ยังไม่พบผู้กระทำความผิด และยังไม่มีประชาชนร้องเรียนแต่อย่างใด ส่วนผู้โดยสารที่จะเดินทาง จะต้องผ่านตรวจคัดกรองและสวมหน้ากากอนามัย ตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 ของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด เพื่อลดการแพร่ระบาดของโรค

ทั้งนี้ หากผู้โดยสารไม่ได้รับความเป็นธรรม หรือพบเห็นรถโดยสารสาธารณะไม่มีความปลอดภัย เก็บค่าโดยสารเกินจริง สามารถร้องเรียนได้ที่ศูนย์คุ้มครองรถโดยสารสาธารณะ 1584 ตลอด 24 ชั่วโมง.

จ.ระยอง แตกแล้ว พบผู้ป่วยเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน 2 รายแรกเป็นพนักงานโรงงาน ชาย-หญิง จ่อพบเพิ่มรอผลตรวจ DNA ยืนยันอีก 4 ราย

เมื่อวันที่ 30 ธ.ค.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศูนย์โควิด-19 จังหวัดระยอง โดย นพ.ประดิษฐ์ ปฐวีศรีสุธา รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดระยอง แถลงข่าวสถานการ์โควิด-19 จังหวัดระยอง โดยเปิดเผยว่า ขณะนี้จังหวัดระยอง ตรวจพบผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน จำนวน 2 ราย เป็นจังหวัดที่ 34 ของประเทศ รายแรกเป็นผู้ป่วยเพศชาย อายุ 21 ปี ทำงานบริษัทแห่งหนึ่งใน อ.ปลวกแดง โดยพบว่ามีการไปดื่มสังสรรค์กับเพื่อนร่วมงานและเพื่อนสนิท เริ่มมีอาการเจ็บป่วย ตรวจพบว่าติดเชื้อโควิด-19 และตรวจพบว่าเป็นสายพันธุ์โอมิครอน มีผู้ที่มีความเสี่ยงสูง 27 คน เป็นเพื่อนร่วมงาน 10 คน เพื่อนร่วมกิจกรรม 13 มีผู้ร่วมนั่งรถตู้ 4 คน นำเข้าสถานกักกันตัวเรียบร้อยแล้ว ส่วนอีกรายเป็นเพศหญิง อายุ 27 ปี ทำงานในโรงงานแห่งหนึ่งที่ อ.นิคมพัฒนา โดยมีแฟนทำงานอยู่ที่ประเทศอิสราเอลแต่ไม่เจอกันนานแล้ว มีอาการป่วย จึงไปตรวจพบเป็นโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน โดยมีผู้สัมผัสใกล้ชิดเสี่ยงสูง 24 คน ปัจจุบันผู้ป่วยทั้ง 2 ราย มีอาการเจ็บป่วยเล็กน้อย และมีน้ำมูก โดยได้รับวัคซีนต้านโควิด-19 ชิโนฟาร์ม 2 เข็มทั้ง 2 คน มาแล้ว อย่างไรก็ตามมีรายงานว่า กำลังรอผลตรวจวิเคราะห์ DNA Sequencing อีก 4 ราย คาดว่าจะติดเชื้อสายพันธุ์โอมิครอนแน่ทั้ง 4 ราย นอกจากนี้คาดว่าน่าจะพบเพิ่มอีกหลายคนตามมาด้วย.

เทศบาลตำบลทับมา ลงนาม MOU ขับเคลื่อนการบริหารจัดการขยะอย่างมั่งคั่ง ยั่งยืน ภายใต้วิถีสุขภาพสู่ตำบลสุขภาวะมุ่งสร้างความตระหนัก ลดปริมาณขยะจากครัวเรือน และนำขยะกลับมาใช้ประโยชน์

เมื่อวันที่ 30 ธ.ค.ที่ห้องประชุมโรงเรียนอนุบาลทับมา ต.ทับมา อ.เมือง จ.ระยอง นายประเสริฐ วงษ์ศรี นายกเทศมนตรีตำบลทับมา น.ส.เรวีญา ขจิตเนติธรรม ปลัดเทศบาลตำบลทับมา ได้ลงนาม MOU ร่วมกับ มหาวิทยาลัยบูรพา โดย รศ.ยุวดี รอดจากภัย คณบดีคณะสาธารณสุขศาสตร์ และผศ.ดร.โกวิท สุวรรณหงส์ รองคณบดีฝ่ายบริการวิชาการและนวัตกรรม คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา ทั้งนี้เพื่อร่วมมือกันทำประโยชน์ร่วมกันในการเพิ่มพูนองค์ความรู้ในการพัฒนาบุคลากรและนิสิตให้มีศักยภาพทางวิชาการ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน โดยมีขอบเขตหน้าที่ในการจัดทำแผน โครงการ รวมทั้งสนับสนุนด้านบุคลากร สถานที่และสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับการจัดกิจกรรมอบรม การฝึกประสบการณ์วิชาชีพสาธารณสุข การส่งเสริมสุขภาพ อนามัยสิ่งแวดล้อม และอาชีวอนามัยและความปลอดภัย

นอกจากนี้ นายประเสริฐ วงษ์ศรี นายกเทศมนตรีตำบลทับมา ยังได้ลงนาม MOU ในการขับเคลื่อนการบริหารจัดการขยะอย่างมั่งคั่ง ยั่งยืน ภายใต้วิถีสุขภาพสู่ตำบลสุขภาวะ(Waste to Wealth&Waste to Health)ร่วมกับหน่วยงานราชการ ชุมชน กลุ่มองค์กร เครือข่าย อาสาสมัครและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ รวม 18 องค์กร ทั้งนี้ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เสนอแผนลด-เลิกผลิตขยะพลาสติก โดยการประกาศห้ามใช้ พลาสติก 4 ชนิด ทั้งถุงหิ้ว โฟม แก้ว หลอด พลาสติก แบบ 100 เปอร์เซ็น ภายในปี 2565 นี้ ส่วนพลาสติกอีก 7 ชนิด ขีดเส้นจะต้องนำเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจหมุนเวียนให้ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 50 ในปี 2565 ด้วยเช่นกัน โดยแผนดังกล่าว เป็นการขับเคลื่อนการดำเนินงานในการป้องกันและแก้ไขปัญหาขยะพลาสติกที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่ต้องเร่งดำเนินการ ภายใต้โรดแมป การจัดการขยะพลาสติก พ.ศ.2561-2573 เพื่อเป็นการขับเคลื่อนโรดแมปการจัดการขยะมูลฝอยและของเสียอันตรายให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ตามนโยบายรัฐบาลและเพื่อการบริหารจัดการขยะมูลฝอยอย่างเป็นรูปธรรม

เทศบาลตำบลทับมา จึงได้ร่วมกับ 18 องค์กร ลงนามบันทึกความร่วมมือดังกล่าวขึ้น เพื่อสร้างความตระหนักถึงปัญหาขยะในชุมชน ความรับผิดชอบต่อสังคม อีกทั้งสามารถลดปริมาณขยะจากครัวเรือน เพิ่มประสิทธิภาพการนำขยะกลับมาใช้ประโยชน์โดยใช้กระบวนการ ROSES แบบครบวงจร ภายใต้เศรษฐกิจหมุนเวียน สู่ความยั่งยืน เพิ่มรายได้จากขยะในบ้าน รวมถึงการร่วมมือร่วมใจในการแก้ไขปัญหาขยะอย่างเป็นรูปธรรม.

เทศบาลตำบลทับมา บูรณาการการทำงานร่วมกับภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ตั้งจุดบริการประชาชน เพื่อป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2565

เมื่อเวลา 16.00 น.วันที่ 29 ธ.ค.64 ที่บริเวณริมถนนสายทับมา-เขาโบสถ์ ม.4 ต.ทับมา อ.เมือง จ.ระยอง พ.ต.อ.อภิชนัน วัฒนวรางกูร ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองระยอง เป็นประธานเปิดจุดบริการประชาชน เพื่อป้องกันและลดอุบัติเหตุทางจราจร ช่วงเทศกาลปีใหม่ 2565 มีนายประเสริฐ วงษ์ศรี นายกเทศมนตรีตำบลทับมา นำผู้บริหาร หัวหน้าส่วนราชการ พนักงานเทศบาลตำบลทับมา กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำชุมชนในพื้นที่ และภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมกิจกรรมเป็นจำนวนมาก

ภายในงานเทศบาลตำบลทับมา ยังได้ลงนาม MOU บูรณาการร่วมกับหน่วยงานส่วนราชการ และภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง 13 แห่ง เพื่อขับเคลื่อนจุดบริการประชาชนที่ใช้รถใช้ถนน เพื่อป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2565 ภายใต้หัวข้อ “ชีวิตวิถีใหม่ ขับขี่อย่างปลอดภัย ไร้อุบัติเหตุ” เพื่อเป็นการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางจราจรช่วงเทศกาลปีใหม่ 2565 นี้ สร้างความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนน เป็นจุดบริการประชาชนในการพักผ่อนขณะเดินทาง โดยให้บริการน้ำดื่ม กาแฟ ห้องน้ำ และข้อมูลท่องเที่ยวในการเดินทางแก่ประชาชนที่สัญจรไปมา ผ่านจุดตรวจ จุดบริการประชาชน ระหว่างวันที่ 29 ธันวาคม 2564-วันที่ 4 มกราคม 2565 นี้.

จังหวัดระยอง ประกอบพิธีบวงสรวงและถวายราชสักการะพระบรมรูปจำลองสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ประจำปี 2564 เพื่อเป็นการน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ และเทิดทูนวีรกรรม เนื่องวันปราบดาภิเษกและกอบกู้เอกราชชาติไทย ครบ 253 ปี

เมื่อวันที่ 28 ธ.ค.64 ที่บริเวณศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช วัดลุ่มมหาชัยชุมพล (พระอารามหลวง) ต.ท่าประดู่ อ.เมืองระยอง นายยุทธพล องอาจอิทธิชัย รองผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง เป็นประธานนำหัวหน้าส่วนราชการ และประชาชนชาวจังหวัดระยอง ประกอบพิธีบวงสรวง และวางพานพุ่มดอกไม้สดถวายสักการะพระบรมรูปจำลองสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ประจำปี 2564 เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณอันใหญ่หลวงของพระองค์ท่านที่มีต่อสยามประเทศ เนื่องในวันสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ปราบดาภิเษกขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์และกอบกู้เอกราชชาติไทย ครบรอบ 253 ปี

จากนั้นรองผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง ได้คล้องพวงมาลัยที่พระแสงดาบ และปิดทององค์พระบรมรูปจำลองฯ ภายในศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ก่อนจะอัญเชิญพระบรมรูปจำลองฯ ไปประดิษฐานที่อุทยานการเรียนรู้สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช จังหวัดระยอง เพื่อให้ประชาชน ได้กราบไหว้ถวายสักการะเพื่อเป็นสิริมงคล.

สำนักงานนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด และ รพ.เฉลิมพระเกียรติฯระยอง ปิดศูนย์ฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 สำหรับพนักงานในโรงงานอุตสาหกรรม หลังเปิดฉีดมา 7 เดือน ภาพรวมฉีดวัคซีนได้ 130,000 โดส ครบ 100 เปอร์เซ็นเต็ม

เมื่อวันที่ 24 ธ.ค.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) พร้อมด้วยนายแพทย์สุกิจ บรรจงกิจ ผอ.รพ.เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี ระยอง และนายฉกาจ พัฒนศรี ผู้อำนวยการสำนักงานนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ร่วมตรวจเยี่ยมการปฏิบัติหน้าที่ของบุคลากร รพ.เฉลิมพระเกียรติฯ ระยอง ในการฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 แก่พนักงานในสถานประกอบการโรงงานอุตสาหกรรม พร้อมปิดศูนย์ฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 บริเวณสำนักงานิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด อ.เมืองระยองดังกล่าว หลังได้มีเปิดเป็นสถานที่ฉีดวัคซีนมาตั้งแต่วันที่ 9 มิ.ย.ถึงวันที่ 24 ธ.ค.รวมระยะ 7 เดือนแล้ว

นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) กล่าวว่า ตามนโยบายของรัฐบาลที่ได้มีนโยบายให้ภาคอุตสาหกรรม เร่งการฉีดวัคซีนให้กลุ่มแรงงานต่างๆ ทางสำนักงานนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ได้ตั้งศูนย์ฉีดวัคซีนให้กับโรงงานภายในกลุ่มอุตสาหกรรม โดยเป็นความร่วมมือระหว่างภาคเอกชน รพ.เฉลิมพระเกียรติฯ ระยอง และสำนักงานนิคมอุตสาหกรรมาบตาพุด สมทบทุน 3 ล้านบาท ตั้งศูนย์ฉีดวัคซีนดังกล่าวขึ้นมา โดยดำเนินการมา 7 เดือนแล้ว ฉีดให้แรงงานได้ 130,000 โดส ถือว่าฉีดครบ 100 เปอร์เซ็นเต็มสำหรับภาคอุตสาหกรรมในพื้นที่ของมาบตาพุด นอกจากนี้ยังฉีดวัคซีนสำหรับประชาชนในพื้นที่ระยองด้วย โดยฉีดวัคซีนไปได้กว่าร้อยละ 77 ของจังหวัดระยอง วันนี้เป็นวันสุดท้ายของการฉีดวัคซีนสำหรับศูนย์แห่งถือว่าประสบสำเร็จดี หลังปิดศูนย์แล้วประชาชนสามารถไปฉีดเข็มบูทเตอร์ได้ที่ รพ.เฉลิมพระเกียรติฯ
ด้านนายฉกาจ พัฒนศรี ผู้อำนวยการสำนักงานนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด กล่าวว่า ศูนย์ฉีดวัคซีนดังกล่าว เปิดมา 7 เดือน โดยการประสานงานของสำนักงานนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด รพ.เฉลิมพระเกียรติฯ ระยอง และโรงงานอุตสาหกรรมในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด 170 แห่ง เปิดบริการฉีดให้กับแรงงาน โดยการฉีดครบ 2 เข็ม จึงเปิดบริการภาคประชาชน ภาพรวมฉีดไป 130,000 โดส ทั้งนี้ต้องขอขอบคุณ รพ.เฉลิมพระเกียรติฯ ที่จัดเจ้าหน้าที่มาทำการฉีดวัคซีน และภาคผู้ประกอบการที่ให้การสนับสนุนงบประมาณร่วมมือกันฝ่าวิกฤติโควิดครั้งนี้

ด้าน นายแพทย์สุกิจ บรรจงกิจ ผอ.รพ.เฉลิมพระเกียรติฯ ระยอง กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ทาง รพ.เฉลิมพระเกียรติฯ ได้มีการฉีดวัคซีนที่ รพ.ในกลุ่มเป้าหมาย และในเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา ได้มีการฉีดในกลุ่มผู้ประกอบการขนส่ง ประมาณ 1,000 คน นำร่องในโควต้า EEC จนกระทั่งได้รับความร่วมมือจากสำนักงานนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ซึ่งมีความพร้อมในเรื่องของสถานที่ และใกล้ รพ.จึงได้ใช้สถานที่ดังกล่าวฉีดวัคซีนให้กับภาคแรงงานกับทุกกลุ่มจนถึงปัจจุบันได้ 130,000 โดส โดยมีความร่วมมือร่วมกับโรงงานอุตสาหกรรมในมาบตาพุดคอมเพล็กซ์ด้วย ซึ่งในอนาคตก็จะได้ใช้เป็นสถานที่ฉีดวัคซีนต่อไป สำหรับเข็ม 3 มีประมาณ 6 แสนคน จะฉีดให้กับประชาชนที่ รพ.เฉลิมพระเกียรติฯ ฉีดวันละ 1,000 คน.

เทศบาลตำบลทับมา​ เปิดอบรมโครงการ​สิ่งประดิษฐ์นวัตกรรมการช่วยเหลือผู้สูงอายุ​ ผู้พิการและผู้ป่วยโรคหลอดเลือด​สมอง​ โดยการประดิษฐ์​ถังปั่นหรรษา​ แก้ปัญหา​ Stroke

เมื่อ​วันที่​ 24 ธ.ค.ที่ห้องประชุม​โรงเรียน​อนุบาลทับมา​ ต.ทับมา​ อ.เมือง​ จ.ระยอง​ นายประเสริฐ​ วงษ์ศรี​ นายกเทศมนตรี​ตำบลทับมา​ เป็น​ประธาน​​เปิดอบรมโครงการ​สิ่งประดิษฐ์นวัตกรรมการช่วยเหลือผู้สูงอายุ​ ผู้พิการและผู้ป่วยโรคหลอดเลือด​สมอง​
มีผู้สูงอายุ ผู้พิการ อาสาสมัครดูแลผู้สูงอายุ
ผู้พิการตำบลทับมา จำนวน 80 คน​ เข้าอบรมฯ

นาย​ประเสริฐ​ กล่าวว่า​ ประเทศไทยเป็นสังคมของผู้สูงอายุและเมื่ออายุเพิ่มมากขึ้นทำให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ หนึ่งในนั้นคือการเกิดโรคหลอดเลือดสมอง(stroke)หรือเรียกว่าโรคอัมพฤกษ์ อัมพาต เกิดจากสมองขาดเลือดไปเลี้ยงเนื่องจากหลอดเลือดตีบ หลอดเลือดอุดตัน หรือหลอดเลือดแตก ส่งผลให้เนื้อเยื่อในสมองถูกทำลาย ส่งผลให้เกิดอาการต่างๆ​ ขึ้น บางคนเกิดขึ้นแล้วอาจจะทำให้ร่างกายพิการได้ ทั้งนี้จึงได้คิดค้นสิ่งประดิษฐ์นวัตกรรม“ถังปั่นหรรษา แก้ปัญหา Stroke”ขึ้น เป็นอุปกรณ์ในการทำกายภาพบำบัด​ เพื่อฟื้นฟูผู้ป่วยที่มีปัญหาเรื่องการอ่อนแรงครึ่งซีกของมือและแขน อุปกรณ์มีราคาถูกและประหยัดใช้วัสดุที่หาได้ง่ายในชุมชนมาผลิตเป็นเครื่องออกกำลังกายสามารถผลิตได้เองเพื่อเป็นทางเลือกให้แก่ผู้ป่วย ครอบครัว และอาสาสมัครดูแลผู้สูงอายุ มีกิจกรรมการฝึกทำ“ถังปั่นหรรษา แก้ปัญหา Stroke” โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อให้ผู้สูงอายุ ผู้พิการ ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองได้ใช้นวัตกรรมในการบริหารกล้ามเนื้อไหล่ แขน และมือ เพื่อให้ความรู้การทำสิ่งประดิษฐ์นวัตกรรมให้แก่ผู้สูงอายุ ผู้พิการและอาสาสมัครดูแลผู้สูงอายุ​ เพื่อลดค่าใช้จ่ายในการบำบัดฟื้นฟูสมรรถภาพในผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง.

จ.ระยอง​ เปิดศูนย์ปฏิบัติการร่วมการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2565 มุ่งให้ประชาชนใช้รถใช้ถนนอย่างปลอดภัย และอุบัติเหตุลดลง

เมื่อเวลา​ 16.00 น.วันที่​ 24 ธ.ค.64 ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลระยอง อ.เมือง จ.ระยอง นายยุทธพล องอาจอิทธิชัย รองผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง เป็นประธานเปิดศูนย์ปฏิบัติการร่วมการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาลปีใหม่ ประจำปี​2565 จัดขึ้น​โดยสำนักงาน​ป้องกัน​และ​บรรเทา​สาธารณภัย​จังหวัด​ระยอง​ มีหัวหน้าส่วนราชการและหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และภาคีเครือข่ายลดอุบัติเหตุทางถนนในพื้นที่ร่วมพิธีฯ ในงานมีการอ่านสารนายกรัฐมนตรี เนื่องในวันป้องกันอุบัติ​ภัย​แ​ห่งชาติ​ ประจำปี​ 2564​ และปล่อยขบวนรถรณรงค์ประชาสัมพันธ์ขับขี่รถและตระหนักถึงความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนนในช่วงเทศกาลปีใหม่นี้

ตำร​วจ​ภูธร​ระยอง​ ปล่อยแถวเจ้าหน้าที่​ 200 นาย​ ระดมกวาด​ล้างอาชญากรรม​ช่วงเทศกาล​คริสต์มาส​ และ​ปีใหม่​ 2565

เมื่อ​วันที่​ 24 ธ.ค.ที่เวทีหน้า​ สภ.เมืองระยอง​ จ.ระยอง​ นาย​ชาญ​นะ​ เอี่ยม​แสง​ ผวจ.ระยอง​ เป็น​ประธาน​ปล่อย​แถว​กวาดล้างอาชญากรรม​ในช่วง​เทศกาล​คริสต์มาส​และวันขึ้นปีใหม่​ ประจำปี​ 25​65 มี​ข้าราชการ​ตำรวจสังกัดตำรวจ​ภูธร​ระยอง​ ทั้ง​ 16 สถานี​ หน่วยปฏิบัติการ​พิเศษ​ตรวจ​คนเข้าเมือง​ระยอง​ ตำร​วจ​ทาง​หลวง​ระยอง​ ตำร​วจ​ท่องเที่ยว​ระยอง​ อาสาสมัคร​ตำรวจ​ ฝ่ายปกครอง​อำเภ​อ​เมืองระยอง​ และเจ้าหน้าที่​กู้ภัย​ จำนวน 200 นาย​ ยานพาหนะ​ จำนวน​ 50 คัน​ เข้าร่วมปฏิบัติ​การ

พ.ต.อ.จักร์พันธุ์​ กิตติ​สิริพรกุล​ รอง​ ผบก.ภ.จว.ระยอง​ รรก.ผบก.ภ.จว.ระยอง​ กล่าวว่า​ เนื่องด้วยในห้วงวันหยุดยาวช่วงปีใหม่​ 2565 จ.ระยอง​ ได้จัดให้มีงานเฉลิมฉลองการส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่​ หรือจัดงานเคาท์​ดาวน์​ แลเทศกาลคริสต์มาส​ อีกทั้งจะมีประชาชน​เดินทาง​กลับ​ภูมิ​ลำเนาของตน​ ตลอดจนไปพักผ่อนและท่องเที่ยวตามสถานที่​ต่างๆ​ ซึ่ง​อาจทำให้เกิดผลกระทบ​ต่อความไม่ปลอดภัย​ในชีวิต​และ​ทรัพย์สิน​ของประชาชน​ และก่อความไม่สงบในพื้นที่​ ประกอบ​กับ​การ​แพร่ระบาด​ของโควิด-19 ยังมีสถานการณ์​ไม่​น่าไว้วางใจ​ รัฐบาล​จึงขอความร่วมมือ​ประชาชน​และ​หน่วยงาน​ที่​เกี่ยวข้อง​ให้ปฏิบัติตาม​มาตรการ​ป้องกัน​และ​ควบคุม​การแพร่ระบาด​อย่างเคร่งครัด​ เพื่อ​เป็นการ​ป้องกัน​ปัญหา​อาชญากรรม​ที่อาจเกิดขึ้น​ และการรักษาการ​ความ​สงบเรียบร้อ​ยในพื้นที่​ ให้มีประสิทธิภาพ​มากยิ่งขึ้น​ สำนักงาน​ตำร​วจ​แห่ง​ชาติ​ และตำร​วจ​ภูธรภาค​ 2​ จึงให้ตำร​วจ​ภูธร​ระยอง​ ดำเนิน​การ​ระดมกวาดล้างปัญหา​อาชญากรรม​ในพื้นที่​รับผิดชอบ​ ระหว่างวันที่​ 25 ธ.ค.64-วันที่​ 3 ม.ค.65 นี้​ เพื่อดูแลความปลอดภัย​ในชีวิต​และ​ทรัพย์สิน​ของประ ชาชน​ และเป็​นการสร้าง​ความมั่นใจให้ประชาชนอีกด้วย.

มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ รับมอบเครื่องบำบัดอากาศที่มีมลพิษและฝุ่นขนาดเล็ก PM 2.5 รุ่นที่ 3 จากบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) (GC) ดำเนินการทดสอบและพัฒนาต่อยอด เพื่อเป็นเครื่องต้นแบบให้กับประชาชนนำไปจัดสร้างเองได้ง่าย ประหยัดค่าใช้จ่าย และช่วยลดปัญหามลพิษทางอากาศ

วันที่ 22 ธันวาคม 2564 เวลา 09.00 น. ณ ห้องประชุม ชั้น 4 สำนักงานมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ฯ พลเรือเอก พงษ์เทพ หนูเทพ องคมนตรี ประธานกรรมการบริหาร มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ เป็นประธานในพิธีรับมอบเครื่องบำบัดอากาศที่มีมลพิษและฝุ่นขนาดเล็ก PM 2.5 รุ่นที่ 3 จากกลุ่มบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC Group และได้กล่าวกับสื่อมวลชนว่า มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ฯ น้อมนำพระบรมราโชบายของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการบรรเทาทุกข์ที่เกิดขึ้นแก่ราษฎร ไม่ว่าจะเป็นการสงเคราะห์ด้านการศึกษา และด้านสาธารณภัยต่าง ๆ ที่เกิดทั่วประเทศ โดยในปัจจุบันปัญหามลภาวะจากอากาศ ฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ยังคงส่งผลกระทบที่รุนแรงต่อสุขภาพของประชาชนจำนวนมาก ในระยะแรกนั้น มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ฯ ได้สนับสนุนหน้ากากอนามัย N95 แก่ประชาชนนพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ เพื่อใช้แก้ปัญหาในเบื้องต้น
โดยในปี 2563 ที่ผ่านมามูลนิธิราชประชานุเคราะห์ฯ จัดสร้างเครื่องบำบัดอากาศที่มีมลพิษและฝุ่นขนาดเล็ก PM 2.5 (ต้นแบบ) รุ่นที่ 1 ใช้ระบบบำบัดด้วยเวนทูรีสครับเบอร์ โดยได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากGC Group

นอกจากนี้ได้ลงนามบันทึกความเข้าใจความร่วมมือ (MOU) โครงการทดสอบและพัฒนาต่อยอดเครื่องบำบัดอากาศที่มีมลพิษและฝุ่นขนาดเล็ก PM 2.5 ร่วมกัน โดย GC Group สนับสนุนบุคลากรนักวิจัย องค์ความรู้ และนวัตกรรมการออกแบบ เพื่อพัฒนาต่อยอดเครื่องบำบัดอากาศที่มีมลพิษและฝุ่นขนาดเล็ก PM 2.5 รุ่นที่ 2ใช้หลักการบำบัดด้วยตัวกรอง (Filter) 3 ชั้นและในปี 2564 นี้ ทาง GC ได้พัฒนาต่อยอดเครื่องบำบัดอากาศที่มีมลพิษและฝุ่นขนาดเล็ก PM 2.5 ในรุ่นที่ 3 ซึ่ง ดร.คงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) (GC) กล่าวว่า “GC Group ในฐานะองค์กรที่ให้ความสำคัญด้านการวิจัยและพัฒนาเพื่อคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เล็งเห็นถึงความสำคัญของปัญหามลพิษทางอากาศที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของคนไทยในระยะยาว จึงได้สนับสนุนบุคลากร ทีมงานวิศวกร และนักวิจัย อย่างต่อเนื่อง พร้อมต่อยอดและพัฒนาประสิทธิภาพของเครื่องบำบัดอากาศที่มีมลพิษและฝุ่นขนาดเล็ก PM 2.5 รุ่นที่ 3 โดยใช้ระบบตัวกรอง 3 ชั้น เพิ่มจุดเด่นด้วยการใช้นวัตกรรมพลาสติกของ GC Group เป็นส่วนประกอบของเครื่อง โดยนำเม็ดพลาสติกพอลิเอทิลีนความหนาแน่นต่ำเชิงเส้น หรือ LLDPE Compound ผสมกับฝาขวดน้ำพลาสติกรีไซเคิล นำมาผ่านกระบวนการผลิตแบบหมุนเหวี่ยง (Rotational Molding) เพื่อสร้างชิ้นงานที่ไม่มีรอยต่อ มีความแข็งแรงสูงและทนต่อรังสี UV เหมาะสำหรับใช้งานกลางแจ้งเป็นระยะเวลานาน เป็นการสนับสนุนแนวคิดการนำพลาสติกกลับมาใช้ใหม่ ใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าและลดของเสียให้ได้มากที่สุด สอดคล้องกับแนวทาง GC Circular Living และได้เพิ่มระบบฆ่าเชื้อโรคในอากาศ ด้วยหลอดยูวีซีบริเวณอากาศขาออกจาก Filter ประสิทธิภาพ 98-99% โดยประมาณ เพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชนด้านสุขอนามัยในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 พร้อมด้วยระบบเซนเซอร์และจอแสดงผลการตรวจวัดปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กในอากาศ เพื่อเฝ้าระวังและติดตามคุณภาพอากาศแบบในรูปแบบเรียลไทม์

สำหรับการออกแบบในครั้งนี้ เป็นการดำเนินงานร่วมกันกับ รศ. ดร. สิงห์ อินทรชูโต ผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบเพื่อสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เป็นที่ปรึกษา ในการพัฒนารูปแบบของเครื่องให้มีลักษณะที่สวยงาม เป็นมิตรกับผู้คนและสิ่งแวดล้อม และรศ.ดร.เศรษฐ์ สัมภัตตะกุล หัวหน้าทีมวิจัยเครื่องตรวจวัดคุณภาพอากาศ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เป็นที่ปรึกษาในส่วนของระบบตรวจวัดคุณภาพอากาศและหน้าจอแสดงผล PM2.5
การดำเนินการในครั้งนี้ ถือเป็นความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการนำองค์ความรู้ของคนไทยมาต่อยอดสร้างสิ่งประดิษฐ์ขึ้นใช้เองภายในประเทศ แก้ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนทั้งนี้เพื่อเป็นการบรรเทาทุกข์ที่จะเกิดขึ้นแก่ประชาชนในวงกว้าง เพื่อช่วยคนไทยเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์มลพิษและฝุ่นขนาดเล็กPM 2.5 โดยหวังว่าเครื่องบำบัดอากาศฯ นี้จะช่วยลดปัญหามลพิษทางอากาศที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพคนไทย ในระยะยาว สำหรับหน่วยงานที่สนใจสามารถติดต่อขอรับ Blueprint เพื่อนำไปต่อยอดในการสร้างเครื่องบำบัดอากาศ สอบถามเพิ่มเติม โทร. 02-2811902