Loading

GC จับมือสวนพฤกษศาสตร์ระยอง มุ่งพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวคาร์บอนต่ำ (low carbon destination) เส้นทางแห่งความสุขแห่งใหม่ของจังหวัดระยอง

        งานวันพื้นที่ชุ่มน้ำโลก ในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2565  ณ สวนพฤกษศาสตร์ระยอง จังหวัดระยอง ที่ผ่านมา บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC ร่วมกับสวนพฤกษศาสตร์ระยอง พันธมิตร และเครือข่าย ได้สนับสนุนการจัดงานวันพื้นที่ชุ่มน้ำโลก เพื่อสร้างความตระหนักถึงความสำคัญของพื้นที่ชุ่มน้ำซึ่งเป็นระบบนิเวศที่สำคัญ และกระตุ้นให้เกิดการอนุรักษ์ฟื้นฟูไว้ โดยมีคุณชาญนะ เอี่ยมแสง ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง เป็นประธานในพิธี

       งานนี้ GC และสวนพฤกษศาสตร์ระยอง ได้จัดกิจกรรมต่อยอดความร่วมมือพัฒนาสวนพฤกษศาสตร์ระยองให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวคาร์บอนต่ำ (Low carbon destination) เพื่อกระตุ้นให้ตระหนักถึงการลดการปล่อยคาร์บอน ซึ่งเป็นสาเหตุให้เกิดโลกร้อน ผ่านกิจกรรมกีฬาและการท่องเที่ยวเพื่อสิ่งแวดล้อมอย่างรับผิดชอบ โดยการแข่งขันแรลลี่เรียนรู้ธรรมชาติพื้นที่ชุ่มน้ำทางน้ำ และการแข่งขันพายคายัคด้วย โดย GC ได้สนับสนุนเงินรางวัลการแข่งขัน และเรือคายัคจากเม็ดพลาสติกของ GC ที่ขึ้นรูปด้วยเทคนิคไร้รอยเชื่อมต่อ ทำให้มีน้ำหนักเบา สีสันสวยงาม ใช้งานง่าย เหมาะกับกิจกรรมท่องเที่ยวชมธรรมชาติทางน้ำ  ซึ่งในครั้งนี้มีพนักงานจิตอาสาจาก GC กว่า 20 คน มาเข้าร่วมแข่งขันในกิจกรรมพายคายัคเพื่อสร้างสีสันให้กับงานด้วย

      เพื่อให้เกิดสังคมการท่องเที่ยวคาร์บอนต่ำอย่างครบวงจรและยั่งยืน GC ก็ได้สนับสนุน YOUเทิร์น Drop Point จุดรับขยะพลาสติกสะอาด เพื่อส่งเสริมการจัดการและคัดแยกขยะพลาสติกในแหล่งท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนให้กับทางสวนพฤกษศาสตร์ระยองด้วย โดยพลาสติกเหล่านี้จะถูกนำกลับไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ Upcycling เช่น กระเป๋า เสื้อผ้า หมวก เป็นต้น เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับขยะพลาสติกตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy)

        ด้วยแนวทางการดำเนินงานของ GC ที่มุ่งหมายจะสร้างความเป็นอยู่ที่ดีให้กับชุมชนและสังคม รวมถึงอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้คงอยู่อย่างสมบูรณ์ ความร่วมมือเพื่อพัฒนาสวนพฤกษศาสตร์ระยอง ซึ่งเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจขนาดใหญ่ของชาวระยอง อุดมสมบูรณ์ด้วยแหล่งน้ำ และพืชพรรณมากมาย เป็นแหล่งผลิตออกซิเจนที่สำคัญ จึงควรค่าแก่การอนุรักษ์และพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวคาร์บอนต่ำอย่างยั่งยืน…000

         ธนัญธร   รวงผึ้ง 

Loading

GC ประสบความสำเร็จออกหุ้นกู้ จำนวน 30,000 ล้านบาทพร้อมเดินหน้าสร้างความแข็งแกร่งด้านเงินทุน มุ่งสู่ธุรกิจเคมีภัณฑ์มูลค่าสูง

       นางสาวภัทรลดา สง่าแสง รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการเงินและบัญชี บริษัท   พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC กล่าวว่า ตามที่บริษัทฯ ได้ดำเนินการตามกลยุทธ์ในการเข้าสู่ธุรกิจผลิตภัณฑ์มูลค่าสูง (High Value Business : HVB) โดยการเข้าซื้อกิจการของ Allnex Holding GmbH (allnex) สำเร็จในวันที่ 29 ธันวาคม 2564 ที่ผ่านมา

      จากความสำเร็จดังกล่าว บริษัทฯ ได้ใช้เงินลงทุนมูลค่าประมาณ 4.1 พันล้าน  ยูโร โดยใช้แหล่งเงินทุนจากเงินสดในมือ วงเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน รวมถึงการสนับสนุนจาก บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ผ่านวงเงินกู้ยืม ทั้งนี้บริษัทฯ ได้พิจารณาและหาโอกาสในการจัดหาเงินทุนเพื่อทำการรีไฟแนนซ์เงินกู้ยืมดังกล่าว โดยได้ประสบความสำเร็จในการออกและเสนอขายหุ้นกู้สกุลเงินบาท จำนวนรวมทั้งสิ้น 30,000 ล้านบาท จำนวน 4 รุ่น (5 ปี, 7 ปี, 10 ปี, 12 ปี) ให้แก่ผู้ลงทุนสถาบัน และ/หรือ ผู้ลงทุนรายใหญ่ ในเดือนมกราคม 2565 โดยได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างมากและมียอดจอง 1.5 เท่าของวงเงินที่เสนอขาย โดยบริษัทฯ ยังมองหาโอกาสในการจัดหาเงินทุนที่เหมาะสมเพิ่มเติม ทั้งในส่วนของตลาดเงินทั้งในและต่างประเทศ เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางด้านเงินทุนของบริษัทฯ ในอนาคต

        นอกจากนี้ ในปี 2564 บริษัทฯ ยังได้รับรางวัล “Thailand’s Best Corporate Bond” จากนิตยสาร The Asset สำหรับการดำเนินการออกและเสนอขายหุ้นกู้ ไม่มีหลักประกันและไม่ด้อยสิทธิให้กับนักลงทุน และสถาบันต่างประเทศ จำนวนรวม 1,250 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยการเสนอขายหุ้นกู้ดังกล่าวได้รับการตอบรับจากนักลงทุนอย่างมากจากยอดจองซื้อกว่า 6,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และยังเป็นการออกและเสนอขายหุ้นกู้สกุลเงินต่างประเทศของบริษัทฯ เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2555 อีกด้วย ทั้งนี้ The Asset เป็นนิตยสารทางด้านการเงินที่มุ่งเน้นเกี่ยวกับตลาดเงินทุนในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและได้รับการยอมรับจากนักลงทุนในภาคการเงินและการลงทุน

Loading

“ฉก.กร.642 เก็บตัวอย่างทรายและสำรวจสิ่งมีชีวิตใต้ทะเล ร่วมกับนักดำน้ำจากอุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้าฯ”

วันที่ 2 ก.พ.65  ศูนย์ควบคุมการปฏิบัติในการป้องกันและขจัดมลพิษทางน้ำเนื่องจากน้ำมัน ทัพเรือภาคที่ 1 (ศคปน.ทรภ.1) ได้รับการสนับสนุน ฉก.กร.642 ในการเก็บตัวอย่างทรายและสำรวจสิ่งมีชีวิตใต้ทะเล ร่วมกับนักดำน้ำจากอุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้าฯ บริเวณเขาแหลมหญ้า จ.ระยอง โดยมีตำแหน่งดำน้ำ บริเวณปลายแหลม เขาแหลมหญ้าทางทิศใต้น้ำลึก 6.6 เมตร ผลการสำรวจ ไม่พบคราบน้ำมัน สภาพสิ่งแวดล้อมใต้ทะเลปกติ (หญ้าทะเล , ปลาเล็ก) พื้นท้องทะเล ทรายปนโคลน ทัศนวิสัยใต้น้ำ 3 เมตร และตำแหน่งดำน้ำ ทิศตะวันออกของปลายเบรคเขาแหลมหญ้า ระยะห่างจากปลายเบรคกันคลื่น 250 ม.น้ำลึก 6 เมตร ผลการสำรวจ ไม่พบคราบน้ำมัน สภาพสิ่งแวดล้อมใต้ทะเลปกติ (หญ้าทะเล , ปลาเล็ก) พื้นท้องทะเล ทรายปนโคลน ทัศนวิสัยใต้น้ำ 3-4 เมตร

DCIM\100GOPRO\GOPR5105.JPG

ศูนย์อำนวยการป้องกันและขจัดมลพิษทางน้ำเนื่องจากน้ำมัน กองทัพเรือ (ศอปน.ทร.)  สายด่วน 1696

Loading

นายก อบจ.ระยอง ประกาศพร้อมยื่นมือเป็นคนกลางเจรจาเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบน้ำมันรั่ว หากไม่พอใจหรือคิดว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม

     เมื่อวันที่ 2 ก.พ.65 ที่ห้องประชุมชั้น 3 อบจ.ระยอง ต.เนินพระ อ.เมือง จ.ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายปิยะ ปิตุเตชะ นายก อบจ.ระยอง ได้ร่วมประชุมกับกลุ่มสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยว กลุ่มประมงพื้นบ้านเรือเล็ก และกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมในจังหวัดระยอง ทั้งนี้เพื่อหาข้อสรุปในการเจรจากับบริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จก.(มหาชน) เพื่อเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากคราบน้ำมันรั่วไหล

      นายปิยะ ปิตุเตชะ นายก อบจ.ระยอง กล่าวว่า วันนี้เป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ได้รับผลกระทบจากคราบน้ำมันทุกกลุ่มมาพูดคุยกัน ทบทวนมาตรการในการเยียวยาให้เป็นที่พอใจทั้งกลุ่มผู้ประกอบการท่องเที่ยว กลุ่มชาวประมง กลุ่มร้านอาหารทะเล ฯลฯ ซึ่งจะต้องได้รับการเยียวยาโดยเร็วที่สุด ทั้งนี้หากไปยื่นเรื่องศูนย์ดำรงธรรมที่ตั้งขึ้นมาแล้ว ไม่พอใจ ทาง อบจ.ก็พร้อมที่จะเป็นตัวกลางในการเจรจากับทางบริษัทฯเรียกร้องค่าเยียวยาให้ เพื่อให้ได้รับความเป็นธรรมที่สุด ส่วนการกระตุ้นภาคท่องเที่ยว อบจ.ระยอง มีแผนเตรียมจัดงานอีเว้นท์เร็วๆ นี้ เพื่อดึงนักท่องเที่ยวเข้ามาในพื้นที่ โดยชายหาดพื้นที่อื่นๆ ของจังหวัดไม่ได้รับผลกกระทบ จึงอยากเชิญชวนให้มาเที่ยวกัน

   นางสุวรรณา โดตี้ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวระยอง กล่าวว่า เหตุการณ์น้ำมันรั่วไหลที่เกิดขึ้น เป็นการรับเคราะห์ซ้ำของชาวระยอง ภาคท่องเที่ยวได้รับผลกระทบ ปัจจุบันที่เห็นชัดคือนักท่องเที่ยวหายไป เนื่องจากไม่มั่นใจพบยอดจองห้องลดลง อยากให้มีการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบโดยเร็วที่สุด โดยเฉพาะพื้นที่ที่ได้รับกระทบโดยตรง และพื้นที่อื่นก็ได้นับว่าได้ผลกระทบเช่นกัน และที่สำคัญต้องการให้มีมาตรการป้องกันแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่มีมาตรฐาน และมีแผนกระตุ้นท่องเที่ยวที่เป็นรูปธรรม เพื่อดึงนักท่องเที่ยวให้กลับมาโดยเร็ว ในส่วนการการตรวจสอบนั้น อยากให้ภาคเอกชน เข้าไปมีส่วนร่วมในการตรวจสอบวัสดุอุปกรณ์ของบริษัทฯ ด้วย ไม่อยากให้เกิดขึ้นอีก

       นายธนู ทิพย์มณี รองประธานกลุ่มประมงพื้นบ้านเรือเล็กแหลมเทียน กล่าวว่า ชาวประมงหากินลำบากอยู่แล้ว ต้องมาได้รับผลกระทบคราบน้ำมันรั่วไหลซ้ำเติมอีก ต้องสูญเสียรายได้นับหมื่นบาทต่อเดือน ทางกลุ่มได้มีการปรึกษากลุ่มประมงมีอยู่ประมาณ 40 กลุ่ม อยากให้บริษัทฯ เยียวยาเบื้องต้นใช้เกณฑ์การเยียวยาปี 56 คือ วันละ 3,000 บาท ทั้งนี้บริษัทฯ ต้องเข้ามาคุยกับกลุ่มประมงโดยตรง เพื่อจะได้พูดคุยการเยียวยาจะฟื้นฟูทะเลอย่างไรด้วย เพื่อให้สัตว์น้ำกลับมาอุดมสมบูรณ์  ซึ่งทะเลระยองเป็นของทุกคน ขอเรียกร้องให้มาช่วยกันปกป้องทะเลระยอง เพื่อลูกหลานจะได้มีอาชีพ และมีสัตว์น้ำไว้กินตลอดไป ส่วนการทำประมงขณะนี้ได้ขอให้งดวางอวนจับสัตว์น้ำในช่วงนี้ ให้การกู้คราบน้ำมันเสร็จสิ้นเสียก่อน.

    ซึ่งในวันนี้ตลอดทั้งวันเจ้าหน้าที่ของSPRCได้ให้เจ้าหน้าที่เดินกวาดเก็บขยะตามชายหาดรวมทั้งได้ใช้ตาข่ายใยซับแอปซอพเบรน ในการซับคราบน้ำมันหรือฝุ่นละอองตามชายหาดตลอดระยะตั้งหน้าธงชัยรีสอร์ทไปถึงบริเวณก้นอ่าวระยะทาง 8.5 กม.ตลอด24ชั่วโมง   พบว่าหาดสะอาด ใยซับขาวไม่ขุ่นดำน้ำตาลเหมือนวันแรกแต่อย่างใด…000

Loading

กลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย (Dow) มอบรถพยาบาลฉุกเฉินพร้อมอุปกรณ์กู้ชีพมาตรฐานระดับสากล จำนวน 2 คัน มูลค่า 4,200,000 บาท แก่โรงพยาบาลเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ระยอง และโรงพยาบาลบ้านฉาง เพื่อนำไปใช้สนับสนุนการปฏิบัติงานในช่วงสถานการณ์โควิด-19 และส่งเสริมภารกิจด้านสาธารณสุขในพื้นที่ ภายใต้โครงการ “ดาว ห่วงใย ช่วยไทยต้านโควิด” เนื่องในโอกาสครบรอบ 125 ปี ของบริษัทฯ

นายฉัตรชัย เลื่อนผลเจริญชัย ประธานบริหาร กลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทยกล่าวว่า “เราให้ความสำคัญกับความปลอดภัยและการพัฒนาคุณภาพชีวิตของชุมชน จึงได้สนับสนุนกิจกรรมเพื่อสาธารณประโยชน์มาอย่างต่อเนื่อง ในโอกาสครบรอบ 125 ปี ของบริษัทฯ เราทราบถึงความจำเป็นของโรงพยาบาลในการใช้รถพยาบาลฉุกเฉินสำหรับส่งต่อผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 จึงได้จัดหารถทั้ง 2 คัน และติดตั้งเครื่องมือแพทย์สำหรับช่วยชีวิตขั้นสูงครบถ้วน เพื่อใช้ประโยชน์ในการดูแลผู้ป่วยในพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น”

ดร.สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า “ในช่วงวิกฤตโควิด-19 ได้เห็นน้ำใจคนไทยว่าไม่เคยทอดทิ้งกัน มีการสนับสนุนช่วยเหลือบริจาคเงิน สิ่งของ อุปกรณ์ และเวชภัณฑ์ทางการแพทย์มาโดยตลอด ถือเป็นขวัญและกำลังใจให้กับบุคลากรสาธารณสุขในการปฏิบัติงานอย่างเต็มกำลังความสามารถ รถพยาบาลมีความสำคัญอย่างมากในการส่งต่อผู้ป่วยไปยังโรงพยาบาลเพื่อเข้าสู่ระบบการรักษาที่เหมาะสมและทันท่วงที การสนับสนุนจาก Dow ในครั้งนี้จะช่วยส่งเสริมการปฏิบัติภารกิจของเราให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและคุณภาพตามมาตรฐานสากล”

นายชาญนะ เอี่ยมแสง ผู้ว่าราชการจังหวัดระยองกล่าวว่า “นอกเหนือจากความก้าวหน้าด้านอุตสาหกรรม เรายังมุ่งหวังให้ระยองเป็นเมืองแห่งคุณภาพชีวิตที่ดีและเศรษฐกิจที่สมดุล ในช่วงสถานการณ์ที่ยากลำบากนี้ จังหวัดระยองขอขอบคุณแทนพี่น้องชาวระยองที่บริษัท Dow ได้เห็นความสำคัญในเรื่องความปลอดภัย สุขภาพ มีความห่วงใยต่อประชาชน และได้มอบรถพยาบาลฉุกเฉินเพื่อใช้ประโยชน์ในการช่วยเหลือผู้ป่วย และผู้ประสบอุบัติเหตุฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง ช่วยลดความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้น และเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชนในพื้นที่ต่อไป”

รถพยาบาลฉุกเฉินได้รับการติดตั้งอุปกรณ์เวชภัณฑ์ทางการแพทย์ที่จำเป็น และเครื่องมือช่วยชีวิตขั้นสูงอย่างครบถ้วน อาทิ สัญญาณไฟฉุกเฉินและสัญญาณเสียงไซเรน เครื่องมือแพทย์ประจำรถ เครื่องกระตุกหัวใจอัตโนมัติ และเครื่องช่วยหายใจอัตโนมัติ เก้าอี้เคลื่อนย้ายผู้ป่วยชนิดพับได้ พร้อมเตียงนอนสำหรับผู้ป่วยแบบมีล้อเข็นที่มีความคงทนแข็งแรงตามมาตรฐานสากล เพื่อใช้ในการปฏิบัติการช่วยชีวิตก่อนถึงโรงพยาบาลในผู้ป่วยอุบัติเหตุและฉุกเฉินโดยบุคลากรที่เหมาะสม และใช้ขนส่งผู้ป่วยภาวะวิกฤติและฉุกเฉินก่อนหน้านี้ เมื่อปี พ.ศ. 2554 กลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย ได้ส่งมอบรถพยาบาลพร้อมอุปกรณ์ช่วยชีวิตฉุกเฉินให้แก่โรงพยาบาลบ้านฉางแล้วจำนวน 2 คัน ซึ่งได้นำไปใช้ในภารกิจช่วยเหลือผู้ป่วยและดูแลสุขภาพของประชาชนในอำเภอบ้านฉางอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน การสนับสนุนรถพยาบาลฉุกเฉินเพิ่มเติมอีก 2 คัน จะช่วยให้โรงพยาบาลสามารถให้บริการและรองรับผู้ป่วยในจังหวัดระยองและจังหวัดใกล้เคียงได้ครอบคลุมและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

Loading

คราบน้ำมันซัดเข้าหาดแม่รำพึง ข้นเป็นช็อกโกแลต อธิบดี คพ.ห่วง มวลคราบน้ำมันก้อนใหญ่ห่างฝั่ง 3 กม.คลื่นลมแรง อาจพัดซ้ำอีก

คราบน้ำมันทยอยขึ้นชายหาดแม่รำพึง จุดลานหินดำพบคราบน้ำข้นคล้ายช็อกโกแลต อธิบดี คพ.เผย เร่งกำจัด ใช้กระดาษซับคราบน้ำมัน และใช้เครื่องดูดคราบน้ำมันจุดหนาแน่น พร้อมเตรียมขุดร่องน้ำให้คราบน้ำมันไหลมารวมจุดเดียว เพื่อให้ง่ายต่อการกำจัด อย่างไรก็ตามยอมรับเป็นห่วงมวลคราบน้ำมันก้อนใหญ่อยู่ห่างฝั่ง 3 กม.ประกอบคลื่นลมแรง อาจจะพัดเข้าฝั่งเร็วขึ้น

เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 29 ม.ค.65 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปฏิบัติการกู้คราบน้ำมันลอยติดชายหาดแม่รำพึง อ.เมืองระยอง จ.ระยอง โดยพบว่า คราบน้ำมันได้ลอยมาติดชายหาด ตั้งแต่เวลา 08.00 น.จากการตรวจสอบพบ 2 จุด บริเวณแนวชายหาด ระยะทางประมาณ 500 เมตร  โดยมีเจ้าหน้าที่ทั้งเอกชน ทหาร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้เร่งกำจัดคราบน้ำมันอย่างเต็มกำลัง ต่อมามี  นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ ว่าที่ ร.ต.พิรุณ  เหมรักษ์ รองผวจ.ระยอง   และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในจังหวัดระยอง ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์

      นายอรรถพล กล่าวว่า เบื้องต้นพบว่าคราบน้ำกระจายเข้าชายหาด 2 จุด บริเวณลานหินดำ และหินขาว จุดละประมาณ 1 กม.โดยเฉพาะจุดลานหินดำ มีคราบน้ำมันทยอยซัดเข้าฝั่งจนเห็นเป็นสีดำคล้ายช็อกโกแลต  2จุดนี้ความกว้างประมาณ 1-1.5 กิโลเมตร ตามแนวชายหาด ความหนาไม่เกิน 400 เมตร ถือว่ายังไม่ใช่คราบก้อนใหญ่ ถ้านับไปทางทิศตะวันออกห่างจากอุทยานเขาแหลมหญ้าฯไปประมาณ 3 กิโลเมตร ซึ่งตอนนี้ที่เราวางแผนกันไว้การกำจัดได้วางแนวทางไว้ 3 ทาง คือ 1.ใช้เครื่องดูดออกก่อนเพื่อจะใข้ซับได้ง่ายขึ้นแล้วเอาไปกำจัดอย่างถูกวิธี 2. จะใช้สารเคมีฉีดเข้าไปแล้วใข้กระดาษซับผสม  และ 3.ขุดร่องน้ำ และชายหาด เพื่อให้คราบน้ำมันไหลมารวมยังจุดเดียว เพื่อให้ง่ายต่อการกำจัด   อย่างไรก็ตามขณะนี้เป็นห่วงมวลน้ำมันก้อนใหญ่ ซึ่งอยู่ห่างฝั่งประมาณ 3 กม.และอยู่ห่างจากอุทยานเขาแหลมหญ้า-เกาะเสม็ด 4 กม.ประกอบกับคลื่นวันนี้ค่อนข้างแรง อาจจะพัดเข้าฝั่งเร็วขึ้น ซึ่งจะเร่งกำจัดทั้งในส่วนในทะเล และฝั่ง โดยเพิ่มสารเคมีกำจัด ติดตั้งบูมเพิ่ม เพื่อไม่ให้พัดเข้าฝั่ง

และได้ใช้รถเกรดเกรดทรายบริเวณชายหาดทำร่องแนวยาวเพื่อกักเก็บคราบน้ำมันและจะใข้กระดาษวางซับคราบน้ำมันที่จะพัดเข้ามาไม่ให้แผ่กระจายเป็นแนวยาว โดยจะทำในเขตเทศบาลตำบลตะพง  เทศบาลตำบลเพ และที่อ่าวพร้าว เกาะเสม็ด ก็เตรียมการรองรับไว้  เนื่องจากเวลาประมาณ 17.00 น.จะเป็นช่วงเวลาน้ำขึ้นอีกครั้ง…0000

Loading

ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน ตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุหนุ่มใหญ่เสียชีวิตในโรงงานร้าง คาดอาจตกจากที่สูง แต่ก็ยังไม่ทิ้งประเด็นอื่น

     วันที่ 22 มกราคม 2565 จากกรณี มีผู้พบศพ ผู้ชายคล้ายถูกทำร้ายเสียชีวิตภายในโรงงานร้าง บริษัทไทยแอลิแอนซ์ เอ็นจิเนียร์นิ่ง แอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด ซอย12 ตำบลพนานิคม อำเภอนิคมพัฒนา จ.ระยอง เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา

   ซึ่งในที่เกิดเหตุ เป็นโรงงานขนาดใหญ่ ที่ถูกปล่อยร้างมาหลายปี สภาพมีร่องรอยเหล็กและสังกะสีแผ่นเมทัลชีสล้มระเนระนาดมากองกับพื้นจำนวนมาก เมื่อตำรวจเข้าไปตรวจสอบ บริเวณด้านในภายในโรงงานพบศพผู้ชาย นอนหงายเสียชีวิต สภาพศพใส่เสื้อกีฬาลายดำแดง กางเกงขายาวสีเทา สวมถุงมือ และ รองเท้าผ้าใบสีดำ ตรวจสอบพบบาดแผล เป็นรอยสามเหลี่ยมตรงหน้าผากด้านขวาเป็นรูขนาดใหญ่เลือดแห้งเกอะกรังเต็มใบหน้าและที่พื้น คาดเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 5 ชั่วโมง เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบโดยรอบไม่พบอาวุธ หรือ ร่องรอยเหล็กที่ทำให้เกิดบาดแผล ทางแพทย์ตรวจสอบเบื้องต้น ก่อนจะนำศพส่ง โรงพยาบาลนิคมพัฒนา หาสาเหตุการเสียชีวิต

   จากการสอบถาม นางสาวผ่องพรรณ ศาลาทอง อายุ 43 ปี  ภรรยา ผู้เสียชีวิต ที่เดินทางมาที่เกิดเหตุพร้อมด้วยบุตรสาว ให้การทั้งน้ำตา ว่า ผู้เสียชีวิตชื่อ  นายหนูสิน ศาลาทอง อายุ 41 ปี บ้านเดิมอยู่จ.อุบลราชธานีได้หายตัวไปตั้งแต่ เมื่อวันที่ 21 มกราคม.2565 โดยบอกกับลูกสาวว่าจะไปเก็บผัก ก่อนจะหายตัวไปจนพบเป็นศพ สำหรับผู้เสียชีวิต ปัจจุบันตกงานอยู่ จึงอยู่บ้านกับบุตร 3 คน และ มักจะออกไปหาเก็บผักมาเป็นอาหาร ซึ่งจะทำเป็นประจำ

     ต่อมาเวลา 13.00 นาฬิกา วันเดียวกัน พันตำรวจตรี  ปรวัฒน์ธนา  หมื่นแสน นักวิทยาศาตร์ สัญญาบัตร 2 พิสูจน์หลักฐานจังหวัดระยองพร้อมเจ้าหน้าที่รวม 3 นาย เข้าตรวจสอบเหตุโรงงานร้างดังกล่าวซึ่งภายในโรงงาน มีเนื้อที่ 46 ไร่แต่ปิดทำการมานานกว่า 10 ปี เจ้าหน้าที่ ตรวจสอบที่เกิดเหตุไม่พบร่องรอยการต่อสู้ และอุปกรณ์ที่คาดว่าน่าจะเป็นอาวุธ และ ตรวจสอบวัดความสูงของโรงงานด้านบนที่มีความสูง 4.53 เมตร  ในที่เกิดเหตุไม่พบหลักฐานแต่อย่างใด แต่พบว่าผู้ตายสวมถุงมือผ้าสีดำ โดยที่ถุงมือนั้น มีคราบสีเขียว ซึ่งเป็น สีพื้นโครงเหล็กด้านบนติดอยู่ ซึ่งจะได้ตรวจสอบอย่างละเอียดต่อไป

ส่วน ทางด้านร้อยตำรวจโท บุรินทร์  ชนะ รองสารวัตร (สอบสวน) สถานีตำรวจภูธรนิคมพัฒนา กล่าวว่าเบื้องต้นในที่เกิดเหตุไม่พบวัตถุหลักฐานแต่อย่างใด จะได้มีการสอบปากคำภรรยาผู้ตายเพิ่มเติมพร้อมได้ประสานกับตำรวจชุดสืบสวนให้ตรวจสอบบริเวณบ้านพักของผู้ตายซึ่งห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 300 เมตร ว่ามีหลักฐานอะไรเพิ่มเติมหรือไม่ เนื่องจากโรงงานร้างดังกล่าวจะมีเหล็กหายอยู่เป็นประจำเนื่องจากไม่มีคนดูแลด้วย จะและรอผลชันสูตรจากแพทย์ว่าผลเป็นอย่างไรอีกครั้งหนึ่ง …….0000

Loading

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานลงพื้นที่จังหวัดระยอง ติดตามการยกระดับฝีมือ เร่งจ้างงาน กระตุ้นเศรษฐกิจภาคตะวันออก

       เมื่อวันที่ 22 มกราคม 2565 ที่สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 17 ระยอง นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด อำเภอเมือง จังหวัดระยอง นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ลงพื้นที่จังหวัดระยอง เพื่อพบปะให้กำลังใจอาสาสมัครแรงงานจังหวัดระยอง มอบวุฒิบัตรและใบรับรองแก่ผู้ผ่านการฝึกอบรมสาขาช่างไฟฟ้าภายในอาคาร ระดับ 1 จำนวน 20 คน รวมทั้งติดตามการดำเนินการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นในภาคแรงงาน การแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงานต่างด้าว การแก้ไขปัญหาการเยียวยาที่ยังตกค้าง ติดตามการช่วยเหลือ SMEs ที่รัฐบาลให้เงินเยียวยากลุ่มผู้ประกอบการ SMEs และกลุ่มลูกจ้างที่ยังไม่อยู่ในระบบประกันสังคม โดยมี นายธวัชชัย ศรีทอง ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทยเขต 8 และเขต 9 นายนิยม สองแก้ว อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน นายยุทธพล องอาจอิทธิชัย รองผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง นายสมพงษ์ โสภณ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขต 4 จังหวัดระยอง นางนฤมล พนาสนธิ์ ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 17 ระยอง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม

        นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้ห่วงใยพี่น้องประชาชนและผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 จึงได้ให้กระทรวงแรงงานร่วมกันทำงานขับเคลื่อนสร้างความเข้มแข็งเครือข่ายแรงงาน ปรับรูปแบบการทำงานให้สามารถเข้าถึงแรงงานได้ง่าย โดยต้องคำนึงถึงประชาชนเป็นสำคัญ กำชับให้ส่วนราชการในสังกัดมีการใช้ฐานข้อมูลด้านเศรษฐกิจแรงงานในการกำหนดนโยบายและเชื่อมโยงฐานข้อมูลระดับส่วนกลางและภูมิภาคให้เป็นข้อมูลชุดเดียวกัน รวมทั้งเตรียมจัดตั้งสถาบันทางการแพทย์ ธนาคาร และที่อยู่อาศัยราคาถูก เพื่อผู้ประกันตนและผู้ใช้แรงงานในระบบประกันสังคม

      นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวต่ออีกว่า ในยุคนี้สิ่งสำคัญที่สุดคือ แรงงานทุกคนจะต้องได้รับการพัฒนาทักษะให้สูงขึ้น เพื่อให้มีทักษะ ความรู้ และรายได้เพิ่มมากขึ้น ซึ่งกรมพัฒนาฝีมือแรงงานได้ดำเนินการด้านพัฒนาทักษะแรงงานอยู่แล้ว ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ให้ความสำคัญเรื่องพัฒนาทักษะเดิม (Upskill) และเพิ่มเติมทักษะใหม่ (Reskill) นี้เป็นอย่างมาก อย่างในกรณีวินมอเตอร์ไซค์รับจ้างซึ่งมีลูกค้าประจำ ได้เข้ามาร่วมฝึกอบรมหลักสูตรการล้างหรือซ่อมแอร์กับหน่วยงานเพื่อนำความรู้ที่ได้ไปหารายได้เสริมนอกเหนือจากการขับขี่รับส่งผู้โดยสาร ซึ่งตอนนี้ได้ทบทวนหลักสูตรการฝึกอบรมที่มีอยู่ให้สอดคล้องกับกระแสในปัจจุบัน และต้องเหมาะสมกับบริบทในพื้นที่ สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน อุตสาหกรรมเป้าหมาย และนโยบายในอนาคต….000

Loading

       วิทยาลัยเทคนิคนิคมอุตสาหกรรมระยอง ลงนามบันทึกความร่วมมือ(MOU) กับ 36 ชุมชนในเขตเทศบาลเมืองบ้านฉาง จ.ระยอง มุ่งสร้างเครือข่ายสนับสนุนส่งเสริมการพัฒนาการศึกษา ทั้งวิชาการและอาชีพแก่ชุมชน หวังดึงบุตรหลานเรียนสายอาชีพ จบไปเป็นผู้ประกอบการและอาชีพอิสระ พร้อมสร้างงานให้คนในชุมชนผ่านการฝึกอาชีพเสริมรูปแบบคอร์สระยะสั้น

     เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 22 ม.ค.65 ที่อาคารรับรอง วิทยาลัยเทคนิคนิคมอุตสาหกรรมระยอง ต.ห้วยโป่ง อ.เมือง จ.ระยอง นายกิตติพงค์ อุตตมะเวทิน ผู้อำนวยการวิทยาลัยเทคนิคนิคมอุตสาหกรรมระยอง นายไชย์ปัญญา ทองอินทร์ และนายไชยวัฒน์ วงศ์สมศรี รองผู้อำนวยการวิทยาลัยเทคนิคนิคมอุตสาหกรรมระยอง ร่วมลงนามบันทึกความร่วมมือ(MOU) กับประธานชุมชน และผู้แทนจาก 36 ชุมชนในเขตเทศบาลเมืองบ้านฉาง อ.บ้านฉาง โดยมีผู้แทนจากสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน 17 ระยอง สถานประกอบการ และประชาชนในพื้นที่ร่วมเป็นสักขีพยาน ทั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อเป็นเครือข่ายแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร บุคลากร และทรัพยากรร่วมกัน เพื่อสนับสนุนส่งเสริมการพัฒนาการศึกษา ความร่วมมือในการจัดกิจกรรมโครงการบริการวิชาการและอาชีพแก่ชุมชน เพื่อเป็นเครือข่ายเฝ้าระวังเยาวขนในชุมชนป้องกันปัญหายาเสพติด การทะเลาะวิวาท และเพื่อสร้างเยาวชนให้เป็น”คนดี คนเก่ง”ให้กับชุมชน รวมทั้งเพื่อสร้างเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างวิทยาลัยกับชุมชนด้วย

      นายกิตติพงค์ อุตตมะเวทิน ผู้อำนวยการวิทยาลัยเทคนิคนิคมอุตสาหกรรมระยอง กล่าวเสริมว่า การลงนาม MOU ดังกล่าว ต้องการให้ชุมชนได้ช่วยประชาสัมพันธ์ให้บุตรหลานได้สนใจหันมาเรียนสายอาชีพ โดยเฉพาะวิทยาลัยเทคนิคนิคมอุตสาหกรรมระยอง ที่มุ่งเน้นพัฒนาผู้เรียน หรือกำลังคนสู่สถานประกอบการในนิคมอุตสาหกรรมทั้ง 5 แห่งในจังหวัดระยอง และมุ่งเน้นพัฒนาผู้เรียนเป็นผู้ประกอบการ ประกอบอาชีพอิสระ นอกจากนี้ยังเป็นการนำชุมชนเข้ามาสู่ระบบการศึกษาของวิทยาลัยด้วย โดยมีการเปิดสอนฝึกอาชีพระยะสั้นให้ เช่น ตัดผม เสริมสวย นักชงกาแฟหรือบาริสต้า และเชฟทำอาหาร ซึ่งล้วนเป็นอาชีพก่อให้มีรายได้เลี้ยงชีพและครอบครัว.

Loading

        เมื่อวันที่ 21 ม.ค.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายชาญนะ เอี่ยมแสง ผวจ.ระยอง พร้อมด้วยนายพนธ์สมิทธิ์ กลางนภา ปศุสัตว์จังหวัดระยอง นางสาวสุวีรยา ปั้นปาน พาณิชย์จังหวัดระยอง พล.ต.ต.วรา เวชชาภินันท์ ผบก.ภ.จว.ระยอง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ลงพื้นที่ออกตรวจคลังสินค้าเกษตรที่เก็บเนื้อสุกรในพื้นที่ โดยได้นำเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบสินค้าที่เก็บในห้องเย็นของบริษัทโตดี โฟรเซ่น ฟูดส์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ตั้งอยู่เลขที่ 8/15 ถ.อดุลย์ธรรมประภาส ต.ปากน้ำ อ.เมืองระยอง มีนายชีรชิต เลิศชัยพัฒนกุล เป็นเจ้าของ พาตรวจสินค้าในห้องเย็น

พร้อมกันนี้ ผวจ.ระยอง ยังได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมให้กำลังใจร้านจำหน่ายเนื้อหมูราคาประหยัดช่วยเหลือประชาชน ภายใต้โครงการหมูพาณิชย์ ลดราคา ช่วยประชาชนจังหวัดระยองจัดโดยสำนักงานพาณิชย์จังหวัดระยอง ซึ่งมีจุดจำหน่ายอยู่ 12 จุด ราคากิโลกรัมละ 150 บาท เริ่มตั้งแต่วันที่ 17-31 ม.ค.นี้

       นายชาญนะ เอี่ยมแสง ผวจ.ระยอง กล่าวว่า หลังจากประชาชนประสบปัญหาราคาหมูแพง เนื่องจากหมูตายจากโรคระบาดประมาณ 30 เปอร์เซนต์  ส่งผลกระทบต่อค่าครองชีพของประชาชน ขณะนี้รัฐบาลและหน่วยงานต่าง ๆ กำลังเร่งดำเนินการตามแผนการบูรณาการแก้ไขปัญหาราคาสุกรในพื้นที่จังหวัดระยอง จนกว่าสถานการณ์จะผ่อนคลาย และเข้าสู่ภาวะปกติ  จังหวัดระยอง จึงได้ดำเนินการในเชิงบูรณาการโดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้แก่ ตำรวจภูธรระยอง  สำนักงานปศุสัตว์จังหวัด สำนักงานพาณิชย์จังหวัด สำนักงานเกษตรและสหกรณ์ ดำเนินการตรวจสอบการเก็บรักษาสินค้า ตาม พรบ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542  พรบ.โรคระบาดสัตว์ พ.ศ. 2558  พรบ.การคุ้มครองการฆ่าสัตว์เพื่อการจำหน่ายเนื้อสัตว์ พ.ศ. 2559 และกฎหมายอื่น ที่เกี่ยวข้องจะจับกุมและดำเนินคดีผู้กระทำความผิดอย่างเด็ดขาด ซึ่งจากการตรวจสอบไม่พบความผิดปกติแต่อย่างใด ผู้ประกอบการได้ดำเนินการอย่างถูกต้อง ไม่มีการฆ่าสัตว์ ไม่ใช่โรงชำแหล่ะ เป็นเพียงห้องเย็นสำหรับเก็บสต๊อกเนื้อสัตว์ โดยมีเนื้อหมูประมาณ 2,500 กิโลกรัม เนื้อวัว 15,000 กิโลกรัม ที่เหลือเป็นอาหารทะเล ประเภท เนื้อปลา ปู และกุ้ง

ทั้งนี้ในพื้นที่จังหวัดระยอง มีห้องเย็นเก็บสต็อกสินค้าทั้งหมด 8 แห่ง ได้กำชับให้เจ้าของแจ้งรายงานสต็อกสินค้าทั้งหมดแล้ว ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่ออกตรวจติดตามอย่างเข้มงวดด้วย เบื้องต้นยังไม่พบการกักตุน ผู้กักตุนมีความผิดโทษรุนแรง ขออย่าได้มีการกักตุนเด็ดขาด….000