Loading

     เอกอัครราชทูตราชอาณาจักรกัมพูชา ประจำประเทศไทย นำข้าวสาร ผัก-เนื้อหมู-ไก่สด มอบให้แรงงานชาวกัมพูชาที่ประสบปัญหาโควิด-19 ในโรงงานเฟอร์นิเจอร์ไม้ยางพาราที่จังหวัดระยอง

       เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 6 ก.ย.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอูก ซอร์พวน เอกอัครราชทูตราชอาณาจักรกัมพูชา ประจำประเทศไทย พร้อมคณะเจ้าหน้าที่สถานทูตฯ ได้เดินทางไปยังบริษัทโตเกียว พาราวู้ด(1986) จำกัด ตั้งอยู่เลขที่ 2/1 ม.2 ริมถนนสายบ้านบึง-แกลง ต.ทางเกวียน อ.แกลง จ.ระยอง ซึ่งเป็นโรงงานผลิตเฟอร์นิเจอร์ไม้ยางพารา โดยมีนายชาญนะ เอี่ยมแสง ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง นายอนุสรณ์ แสงกล้า นายอำเภอแกลง และนายอาณัติ พิศลพูล กรรมการผู้จัดการบริษัทฯ ให้การต้อนรับ ซึ่งการเดินทางมาครั้งนี้ เพื่อมาเยี่ยมพบปะกลุ่มแรงงานชาวกัมพูชา ที่ทำงานในบริษัทดังกล่าว จำนวน 100 คน โดยได้นำข้าวสาร ปลากระป๋อง ผักสด ไข่เค็ม และเนื้อหมู-ไก่สดจำนวนหนึ่ง มามอบให้กลุ่มแรงงานดังกล่าวที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ด้วย ทั้งนี้ที่บริษัทโตเกียว พาราวู้ดฯ ดังกล่าว ทั้งนี้เมื่อวันที่ 13 ส.ค.ที่ผ่านมา ทางบริษัทฯ ได้ประสบปัญหามีแรงงานติดเชื้อโควิด-19 รวม 100 คน และนำแรงงานเข้าสู่กระบวนการรักษาและกักตัวจนหายกลับมาทำงานได้ตามปกติ

*****นายอูก ซอร์พวน เอกอัครราชทูตราชอาณาจักรกัมพูชา ประจำประเทศไท กล่าวว่า ประเทศไทย และกัมพูชา เป้นบ้านใกล้เรือนเคียงกันเปรียบเสมือนเป็นพี่น้องกัน ซึ่งต้องขอบคุณทางประเทศไทย ที่ดูแลเอาใจใส่แรงงานชาวกัมพูชาทั้งที่เป็นแรงงานที่ตกงานและติดโควิด-19 ได้รับการดูแลรักษาตามกระบวนการเป็นอย่างดี

******ด้าน นายชาญนะ เอี่ยมแสง ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง กล่าวว่า นโยบายของทางประเทศไทย แรงงานที่อาศัยอยู่ในประเทศ ทั้งที่เข้ามาถูกและไม่ถูกกฎหมายได้รับการยกเว้นไม่มีการดำเนินคดี โดยในช่วงนี้รัฐบาลได้ให้ความสำคัญเรื่องของโควิด-19 มาเป็นอันดับแรก แรงงานต่างชาติจะต้องได้รับการดูแลรักษาตามมาตรการ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดในวงกว้างต่อไป….0000

Loading

 อำเภอแกลง เปิดโรงครัวพระราชทาน ทำข้าวกล่องแจกจ่ายผู้ป่วย และเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลสนามและศูนย์พักคอย ภายใต้กิจกรรมจิตอาสา“มีแล้วแบ่งปัน”

เมื่อวันที่ 6 ก.ย.ที่หอประชุมที่ว่าการอำเภอแกลง จ.ระยอง นายชาญนะ เอี่ยมแสง ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง เป็นประธานเปิดโรงครัวพระราชทาน ช่วยเหลือโรงพยาบาลสนามและศูนย์พักคอยในอำเภอแกลง และอำเภอวังจันทร์ ภายใต้กิจกรรมจิตอาสา “มีแล้วแบ่งปัน” โดยได้ร่วมปรุงสุกอาหารเมนูไก่ทอดกระเทียม และไข่ดาว เป็นข้าวกล่อง นำไปแจกจ่ายให้ผู้ป่วยโควิด-19 เจ้าหน้าที่ และบุคลากรทางการแพทย์ที่โรงพยาบาลสนาม และศูนย์พักคอยในอำเภอแกลง และวังจันทร์ จำนวน 4 แห่ง รวม 1,000 กล่อง โดยมีนายอนุสรณ์ แสงกล้า นายอำเภอแกลง นายกำธร เวหน นายอำเภอวังจันทร์ และผู้นำ อปท.กำนัน ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่อำเภอแกลง และวังจันทร์ ร่วมกิจกรรมฯ นอกจากนี้ภาคเอกชน และผู้มีจิตศรัทธา ยังได้นำสิ่งของ เครื่องอุปโภคบริโภค และอุปกรณ์ที่จำเป็นใช้ในการดำรงชีวิตมามอบให้ เพื่อนำไปแจกจ่ายให้ผู้ป่วยโควิด-19 และเจ้าหน้าที่ บุคลากรทางการแพทย์ในโรงพยาบาลสนามและศูนย์พักคอยอีกด้วย….000

Loading

สภ.เมืองระยอง เปิดตัวโครงการ “ระยอง สมาร์ท เซฟตี้โซน 4.0”ใช้ระบบกล้อง CCTV และแอพพลิเคชั่นแจ้งเหตุร้ายได้รวดเร็ว คลุมพื้นที่ 4.4 ตารางกิโลเมตร ดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน 8 พันกว่าครัวเรือน

        เมื่อวันที่ 5 ก.ย.ที่  ศูนย์ปฏิบัติการ CCOC  สภ.เมืองระยอง ต.ท่าประดู อ.เมืองระยอง จ.ระยอง พล.ต.ต.มานะ อินพิทักษ์ รอง ผบช.ภ.2 รรท.ผบก.ภ.จว.ระยอง เป็นประธานเปิดตัวโครงการ”สมาร์ เซฟตี้ โซน 4.0(SMART SAFETY ZONE 4.0)สู่นวัตกรรมใหม่ของความปลอดภัย ด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะสุดล้ำ และการร่วมมือภาคประชาชน “เชื่อมั่น อุ่นใจ ปลอดภัย ในชุมชน”  มี พ.ต.อ.พรัชต์ศรุต วัชรธนโยธิน ผกก.สภ.เมืองระยอง และผู้นำชุมชนในเขตรับผิดชอบ สภ.เมืองระยอง เข้าร่วมโครงการ

       พล.ต.ต.มานะ กล่าวว่า โครงการดังกล่าว เป็นนโยบายของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.ที่ต้องการลดความหวาดระแวงภัยอาชญากรรมแก่พี่น้องประชาชน และเกิดความเชื่อมั่นต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงได้นำเทคโนโลยีนวัตกรรมใหม่ของความปลอดภัยด้วยระบบกล้อง CCTV แอพพลิเคชั่นที่แจ้งข้อมูลอาชญากรรม เหตุด่วนเหตุร้ายได้รวดเร็วดังกล่าวมาใช้ เพื่อดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน โดยมีสถานีตำรวจนำร่อง 15 แห่ง ซึ่ง สภ.เมืองระยอง เป็น 1ใน 3 แห่ง สังกัดตำรวจภูธรภาค 2 ที่ได้นำโครงการดังกล่าวมาใช้ดูแลครอบคลุมพื้นที่ 4.4 ตารางกิโลเมตร เขตพื้นที่เทศบาลนครระยอง เทศบาลตำบลเนินพระ และเทศบาลตำบลเชิงเนิน ประชากร 8,053 ครัวเรือน ซึ่งการนวัตกรรมดังกล่าว จะประกอบด้วย 1.การใช้ระบบกล้อง CCTV จำนวน 130 ตัว และห้อง ควบคุม CCOC  กล้องวงจรปิดที่ใช้ในงานสืบสวน จราจรและสายตรวจ 24 ชม. 2.ตู้แดง 4.0 3.แอพพลิเคชั่น police I lert u 4.โครงการฝากบ้านกับตำรวจ 4.0 5.ติดตั้งระบบ GPS ในรถสายตรวจ 6.ระบบแจ้งเอกสารหายออนไลน์ 7.การสร้าง Line official account ของโครงการ 8.การใช้ระบบไฟฟ้าโซลาเซล และ 9.เสาไฟฟ้าอัจฉริยะ.

   จากนั้นได้ปล่อยแถวเจ้าหน้าที่ตำรวจ   พร้อมทั้งออกรณรงค์เคาะประตูบ้านประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนในพื้นที่ได้รับทราบอย่างทั่วถึง เพื่อเชิญชวนเข้าร่วมโครงการด้วย…0000

Loading

สกพอ.จับมือ อบจ.ระยอง และเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนแปลงใหญ่ไม้ผลจังหวัดระยอง เตรียมผุดห้องเย็นเทคโนโลยีทันสมัยรักษาคุณภาพรสชาติผลไม้ มูลค่า 400 ลบ.นำร่องดันกลุ่มผลิตทุเรียนระดับพรีเมี่ยมสู่สากล 700 ราย มุ่งสร้างรายได้เพิ่มให้เกษตรกรอย่างยั่งยืน

        เมื่อวันที่ 4 ก.ย.ที่ห้องประชุมชั้น 3 อบจ.ระยอง ต.เนินพระ อ.เมืองระยอง จ.ระยอง นายชาญนะ เอี่ยมแสง ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง ดร.คณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก(สกพอ.) เป็นสักขีพยานในการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือพัฒนาผลไม้อย่างครบวงจรในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก(EEC)ภายใต้โครงการระเบียงผลไม้ภาคตะวันออก(Eastern Fruit Corridor:EFC)และแผนพัฒนาการเกษตรในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก โดยมีนางสาวพจนี อรรถโรจน์ภิญโญ รองเลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก(สกพอ.) นายปิยะ ปิตุเตชะ นายก อบจ.ระยอง และนายโชติชัย บัวดิษ ประธานเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนแปลงใหญ่ไม้ผลจังหวัดระยอง ร่วมลงนามฯ

        นางสาวพจนี อรรถโรจน์ภิญโญ รองเลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก(สกพอ.) หรือ EEC กล่าวว่า โดยบันทึกข้อตกลงดังกล่าว จะช่วยยกระดับผลไม้ไทยให้มีคุณภาพมาตรฐานพรีเมี่ยมระดับสากล ตั้งแต่การเพาะปลูกจนถึงการทำการตลาดด้วยนวัตกรรมใหม่ตรงตามความต้องการตลาดผู้บริโภครายได้สูง และสนับสนุนโครงการระบบห้องเย็นตามโครงการ EFC ให้เกิดขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ มีความร่วมมือสำคัญๆ ใน 4 ด้าน ได้แก่ 1.สนับสนุนกลุ่มเกษตรกรไม้ผล ได้พัฒนาทักษะการประยุกต์ใช้นวัตกรรมในการผลิต แปรรูป การค้า การตลาดยุคใหม่อย่างครบวงจร สร้างโอกาสเข้าถึงทรัพยากร เพิ่มอำนาจต่อรองตลอดช่วงการผลิตสินค้า 2.ยกระดับคุณภาพมาตรฐานผลไม้ไทย สร้างความเชื่อมั่นผู้บริโภคตลาดในและต่างประเทศ รักษาเสถียรภาพราคา ลดความเสี่ยงให้เกษตรกร 3.พัฒนาการการเก็บรักษา ยืดอายุผลผลิตให้คุณภาพ รสชาติเดิมได้นาน ด้วยการใช้ประโยชน์ระบบห้องเย็น(Blast Freezer&Cold Storage) 4.ส่งเสริมการวิจัยและต่อยอดการแปรรูปไม้ผลมูลค่าสูง ร่วมกับพันธมิตรให้ตรงตามความต้องการของตลาด และสนับสนุนด้านการตลาด

ทั้งนี้ระยะแรกกลุ่มที่เข้าร่วมลงนามเพื่อผลิตทุเรียนพรีเมี่ยม จะมีเครือข่ายกลุ่มวิสาหกิจแปลงใหญ่ 16 กลุ่ม เกษตรกรประมาณ 700 ราย พื้นที่ปลูกประมาณ 8,200 ไร่ โดยจะผลิตทุเรียนได้ปีละ 13,000 ตันต่อปี และจะขยายเครือข่ายสมาชิกให้มากขึ้นจากความร่วมมือสมาชิกให้มากขึ้น จากความร่วมมือของ อบจ.ระยอง และเกษตรกรในจังหวัดที่สนับสนุนร่วมกัน รวมทั้งขยายผลเติมในกลุ่มไม้ผลอื่นๆ ต่อไป

         ด้าน ระยอง ดร.คณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก(สกพอ.) กล่าวว่า สาระการลงนามความร่วมมือครั้งนี้ จะสอดคล้องกับโครงการ EEC ที่เป็นโครงการหลักของแผนพัฒนาเกษตรใน EEC ประกอบด้วย 4 ส่วนสำคัญคือ การสร้างสินค้าให้มีคุณภาพตามความต้องการของตลาด โดย สกพอ.มุ่งเน้นกลุ่มลูกค้าทุเรียนพรีเมี่ยม การวางระบบกาค้าสมัยใหม่ ผ่านระบบ e-commerce และ e-auction ผลผลิตที่ส่งออกต้องตรวจสอบและย้อนกลับได้ สร้างมูลค่าทุเรียนของภาคตะวันออก การลงทุนห้องเย็นด้วยเทคโนโลยีทันสมัย เก็บรักษาให้มีความสดใหม่ และการจัดระบบสมาชิกชาวสวนผลไม้ สหกรณ์ที่เข้าร่วมให้พัฒนาผลผลิตให้ได้คุณภาพพรีเมี่ยม โดยการผลิตทุเรียนของไทย คาดว่าในช่วง 3-4 ปีข้างหน้า จะสูงถึง 2 ล้านตัน ปัจจุบันผลผลิตจากระยอง คิดเป็น 10 เปอร์เซ็น หรือ 1 แสนตันต่อปี และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งระบบห้องเย็นภายใต้โครงการ EEC จะสามารถจัดเก็บผลผลิต เพื่อขายในช่วงนอกฤดูเก็บเกี่วหรือช่วงขาดแคลนได้ โดยจะจัดเก็บทุเรียนได้ประมาณ 4,000 ตันต่อรอบ ซี่งหากการจัดการอย่างมีประสิทธิภาพจะจัดเก็บได้มากกว่า 10,000 ตันต่อปี ช่วยรักษาความสด คงรสชาติสร้างเสถียรภาพทางราคา สามารถส่งออกทุเรียนออกขายช่วงเทศกาลสำคัญที่มีความต้องการเป็นจำนวนมาก ขายได้ราคาสูงหรือกำหนดราคาเองได้ รวมทั้งรองรับกลุ่มนักท่องเที่ยวไทยและต่างประเทศให้กินทุเรียนของระยองได้ตลอดปี สร้างรายได้เพิ่มให้เกษตรกรอย่างยั่งยืน ซึ่งโครงการสร้างห้องเย็นดังกล่าว ใช้งบประมาณก่อสร้างประมาณ 400 ล้านบาท โดย มีปตท.เข้ามาลงทุนมาช่วยสร้างห้องเย็นให้ และ กนอ.ให้เช่าที่ดินประมาณ 20 ไร่ในราคาถูก ซึ่งหาก ปตท.อนุมัติการลงทุนโครงการ คาดว่าจะสามารถเข้าดำเนินการได้ก่อนสิ้นปีนี้….0000

           

Loading

Bellinee’s Bake & Brew (เบลลินี่ เบค แอนด์ บรู) ร้านเบเกอรี่ เฮ้าส์ ระดับพรีเมียม เอาใจสายคาเฟ่เมืองระยอง เปิดร้านแห่งล่าสุด สาขาระยองริเวอร์ไซด์ พร้อมเสิร์ฟเบเกอรี่อบสดใหม่ทุกวัน มีอาหารและเครื่องดื่มหลากหลาย ริมแม่น้ำระยอง สุดชิลล์

       เมื่อวันที่ 3 ก.ย.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ว่าที่ ร.ต.พิรุณ เหมะรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง พล.ต.ต.มานะ อินพิทักษ์ รอง ผบช.ภ.2 รรท.ผบก.ภ.จว.ระยอง นายสุพจน์ ต่ออาจหาญ นายอำเภอเมืองระยอง นายชรัส ลิขิตคุณวงศ์ ที่ปรึกษาคณะเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ซีพี ออลล์ ผู้บริหารเซเว่น อีเลฟเว่น และเซเว่น เดลิเวอรี่ ร่วมแสดงความยินดีและเปิดร้านเบลลินี่ เบค แอนด์ บรู สาขาระยองริเวอร์ไซด์ ตั้งอยู่ริมแม่น้ำระยอง ต.ปากน้ำ อ.เมืองระยองอย่างเป็นทางการ โดยมีนายวัชรินทร์ นางรัตนา นายวสินธ์ และนายธนภัทร ล่องดุริยางค์ ผู้บริหารสาขาระยอง ริเวอร์ไซด์ ให้การต้อนรับ

       นายชรัส ลิขิตคุณวงศ์ ที่ปรึกษาคณะเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ซีพี ออลล์ ผู้บริหารเซเว่น อีเลฟเว่น และเซเว่น เดลิเวอรี่ กล่าวถึงแนวคิดและจุดเด่นของร้าน เบลลินี่ เบค แอนด์ บรู (Bellinee’s Bake & Brew) ว่า “เบลลินี่ เบค แอนด์ บรู เป็นร้านเบเกอรี่เฮ้าส์ระดับพรีเมียม ที่มีความโดดเด่นด้านเบเกอรี่อบสดและอาหาร ผ่านการคิดค้นและสร้างสรรค์เมนู อันมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยมีครัวซองเฮอริเทจที่นำเข้าจากฝรั่งเศสมาอบเสิร์ฟทุกวัน รวมถึงเครื่องดื่ม กาแฟสดระดับพรีเมียม ซึ่งทั้งหมดนี้ได้รับการถ่ายทอดมาจากแรงบันดาลใจสู่ความอร่อยและคุณภาพที่ได้มาตรฐาน สอดคล้องกับชื่อนักประพันธ์เพลงชาวอิตาเลียน ‘Vincenzo Bellini’ ผู้ถ่ายทอดเพลงบรรเลงด้วยหัวใจ และส่งมอบความสุขให้กับผู้ฟังในทุกช่วงเวลาและเพื่อเป็นการมอบประสบการณ์แห่งความสุขและเพื่อมอบสุนทรียภาพในการรับประทานเบเกอรีและเครื่องดื่มระดับพรีเมียมให้กับพี่น้องชาวไทย”โดยล่าสุด Bellinee’s Bake & Brew (เบลลินี่ เบค แอนด์ บรู)ได้เปิดสาขาแห่งใหม่  ระยองริเวอร์ไซด์อย่างเป็นทางการแล้วในวันนี้ เป็นสาขาที่ 2 ของจังหวัดระยอง โดยเปิดจำหน่ายเบเกอรี่อบสด พร้อมเครื่องดื่มระดับพรีเมียม โดยเฉพาะครัวซองต์ที่ได้นำเข้าจากฝรั่งเศสมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว แป้งบางกรอบ หอม ฉ่ำเนย สไตล์ต้นตำรับแท้ๆ ที่มีความแตกต่างและโดดเด่นในราคาที่จับต้องได้ เพื่อเอาใจนักชิม สายคาเฟ่ ชาวเมืองระยอง      สำหรับร้านสาขาแห่งที่ 2 นี้ มีความพิเศษคือการออกแบบร้านที่แตกต่างจาก 75 สาขาทั่วประเทศ ตั้งอยู่ในจุดแลนด์มาร์คแห่งแรกในภาคตะวันออก อยู่ริมแม่น้ำระยอง มีการออกแบบให้กลมกลืนกับภูมิทัศน์ริมแม่น้ำของจังหวัดระยอง และมีส่วนที่พัฒนาการท่องเที่ยวของจังหวัดระยองด้วย

     นายชรัส เพิ่มเติมว่า “เช่นกัน ความสุขของเรา คือ ความสุขที่ได้ใส่ใจในสินค้าและการบริการ พร้อมส่งต่อความสุขที่แท้จริงให้กับลูกค้า และความสุขของลูกค้า คือ ความอร่อยจากสินค้าที่มีคุณภาพ เราจึงคัดสรรวัตถุดิบที่มีคุณภาพ รังสรรค์เมนูใหม่โดยเชฟและบาริสต้ามืออาชีพ พร้อมทั้งออกแบบให้ร้านมีบรรยากาศสไตล์ยุโรปร่วมสมัย(Contemporary European)ให้ความรู้สึกอบอุ่น เป็นกันเอง ดั่งคอนเซ็ปต์ที่ว่า “Happiness Brings Us Together”

       ด้าน นายวสินธ์  ล่องดุริยางค์ ผู้บริหารร้าน Bellinee’s Bake & Brew (เบลลินี่ เบค แอนด์ บรู) สาขา ระยองริเวอไซด์ กล่าวว่า เรามีความตั้งใจนำเสนอประสบการณ์ใหม่ในการรับประทานเบเกอรี่และกาแฟระดับพรีเมี่ยมให้กับพี่น้องชาวจังหวัดระยองและจังหวัดใกล้เคียง  ด้วยการคัดสรรวัตถุดิบที่ดีมีคุณภาพ เพื่อรังสรรค์ให้เป็นเบเกอรี่แสนอร่อยอบสดใหม่ทุกวัน บริการพร้อมเครื่องดื่มมีทั้งกาแฟ และเมนูหลากหลาย

        สำหรับร้านเบลินี่ฯ สาขาระยองริเวอร์ไซด์แห่งนี้ ได้เลือกทำเลสุดพิเศษ มอบเป็นความสุขที่จับต้องได้ตั้งอยู่ริมแม่น้ำระยอง เพื่อให้ลูกค้าได้จิบกาแฟท่ามกลางธรรมชาติในบรรยากาศสบายๆ มีให้เลือกทั้งแบบ Indoor และ Outdoor พร้อมมุมถ่ายภาพไม่ซ้ำใคร โดยพร้อมให้บริการตั้งแต่เวลา 07.00 – 20.00 น.ของทุกวัน ทั้งนี้เพื่อให้เป็นไปตามมาตรการของภาครัฐในการลดความเสี่ยงในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทางร้านจึงได้เปิดบริการให้นั่งรับประทานในร้าน หากเป็น Indoor (ห้องปรับอากาศ)เปิดให้นั่งได้ 50% ของที่นั่ง และภายนอก Outdoor เปิดให้นั่งได้ 75% ของที่นั่ง โดยหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับความสนใจและสร้างความประทับใจให้กับพี่น้องชาวระยอง….0000

            ธนัญธร   รวงผึ้ง

Loading

GC และ GCM ร่วมกับคู่ค้าผู้ประกอบการพลาสติก สนับสนุนการจัดทำเครื่องบำบัดโรคทางเดินหายใจอัตราการไหลสูง

(Chula HFNC) ในโครงการ “Greater Care Charity by GC & Customers II”

          ปัจจุบันสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ในประเทศไทย ยังคงมีอัตราผู้ป่วยสูง บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) (GC) ในฐานะผู้นำนวัตกรรมเคมีภัณฑ์และพลาสติก และ บริษัท จีซี มาร์เก็ตติ้ง โซลูชั่นส์ จำกัด (GCM) ร่วมกับลูกค้าและคู่ค้าผู้ประกอบการพลาสติก 84 บริษัท จึงมุ่งมั่นดำเนินการด้านสาธารณประโยชน์เพื่อช่วยเหลือและสนับสนุนบุคลากรทางการแพทย์ในการรักษาผู้ป่วยอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะผู้ป่วยที่อยู่ในภาวะวิกฤตที่มีความจำเป็นอย่างยิ่งในการใช้เครื่องช่วยหายใจ ซึ่งที่ผ่านมา เครื่องช่วยหายใจต้องนำเข้าจากต่างประเทศ ทำให้มีราคาสูง และขาดแคลน เนื่องจากหลายโรงพยาบาลมีความต้องการใช้เป็นจำนวนมาก

         ดร.คงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) (GC) กล่าวว่า โครงการ “Greater Care Charity by GC & Customers” เป็นความร่วมมือกันระหว่าง GC ผู้นำด้านนวัตกรรมเคมีภัณฑ์และพลาสติก GCM ผู้ดำเนินกิจกรรมทางการตลาดและจำหน่ายผลิตภัณฑ์โพลิเมอร์ และลูกค้าคู่ค้าผู้ประกอบการพลาสติก 84 บริษัท ในการนำความชำนาญของตน มาช่วยเหลือผู้ป่วยและบุคลากรทางการแพทย์ให้ก้าวผ่านวิกฤตโควิด 19 นี้ไปด้วยกัน โดยในระยะแรก โครงการได้ส่งมอบนวัตกรรมพลาสติกและผลิตภัณฑ์พลาสติกแบบครบวงจรให้แก่โรงพยาบาลสนามและศูนย์พักคอยในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร สมุทรปราการ และระยอง ไปเรียบร้อยแล้ว สำหรับระยะที่ 2 นี้ GC GCM และลูกค้าและคู่ค้าผู้ประกอบการพลาสติก ได้สนับสนุนเงินทุนให้สภากาชาดไทย ในการจัดทำเครื่องบำบัดโรคทางเดินหายใจอัตราการไหลสูง (Chula HFNC) เพื่อส่งมอบให้กับโรงพยาบาลทั่วประเทศที่กำลังรับมือกับผู้ป่วยโควิด 19 ที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ โดย GC GCM พร้อมด้วยลูกค้าและคู่ค้าผู้ประกอบการพลาสติกทั้ง 84 บริษัท จะยังคงมุ่งมั่นร่วมกันสร้างสรรค์สิ่งที่ดีอันก่อให้เกิดสาธารณประโยชน์ ตลอดจนคิดค้นและพัฒนานวัตกรรม เพื่อช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่สังคมและประเทศชาติต่อไป

        นายสมศักดิ์ บริสุทธนะกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ทีพีบีไอ จำกัด (มหาชน) ผู้แทนของกลุ่มคู่ค้าผู้ประกอบการพลาสติก กล่าวว่า โครงการ Greater Care Charity by GC & Customers เป็นโครงการที่ดีที่ GC GCM ลูกค้าและคู่ค้าผู้ประกอบการพลาสติก เข้ามาร่วมมือกันเพื่อทำสาธารณประโยชน์เป็นโครงการที่ 2 โดยในครั้งนี้เป็นการมอบเงินสนับสนุน เพื่อนำไปผลิตเครื่องบำบัดโรคทางเดินหายใจอัตราการไหลสูง (Chula HFNC)  และนำไปส่งมอบให้กับโรงพยาบาลที่ขาดแคลนเครื่องมือนี้ต่อไป นับเป็นการสนับสนุนให้เกิดการสร้างนวัตกรรมโดยคนไทย เพื่อช่วยบรรเทาโรคร้ายนี้และต่อชีวิตเพื่อนมนุษย์ของเราให้ยังได้มีชีวิตอยู่กับคนที่รักและครอบครัวต่อไป

            นายเตช บุนนาค เลขาธิการสภากาชาดไทย พร้อมด้วย ศ.นพ.สุทธิพงศ์ วัชรสินธุ คณบดี คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และผู้อำนวยการ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ในฐานะผู้รับมอบเงินสนับสนุนเพื่อนำไปผลิตเครื่องบำบัดโรคทางเดินหายใจอัตราการไหลสูง (Chula HFNC) กล่าว ขอบคุณทุกพลังแห่งความร่วมมือจาก GC GCM และทุกท่านที่ได้ร่วมสนับสนุนภายใต้เจตนาเดียวกันคือการช่วยให้สถานการณ์การแพร่ระบาดในครั้งนี้คลี่คลายไปได้โดยเร็ว จากสถานการณ์ในปัจจุบันนี้ ยังคงมีผู้ป่วยอีกมากที่เข้าไม่ถึงการรักษาพยาบาล และโรงพยาบาลอีกหลายแห่งที่ยังขาดอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จำเป็นต่อการรักษา โดยเงินทุนที่ทุกท่านได้สนับสนุนในวันนี้ จะถูกนำไปใช้ในการผลิตเครื่อง Chula HFNC เพื่อส่งมอบให้โรงพยาบาลต่าง ๆ ในประเทศไทยต่อไป

             เครื่องบำบัดโรคทางเดินหายใจอัตราการไหลสูง (Chula HFNC) เป็นการพัฒนาและผลิตร่วมกันระหว่าง สภากาชาดไทย คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และศิษย์เก่าคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นับว่าเป็นนวัตกรรมทางการแพทย์ที่พัฒนาและผลิตโดยคนไทยที่มีคุณภาพสูง และ ราคาที่เหมาะสม ถูกกว่าการนำเข้าจากต่างประเทศ 3-4 เท่า สามารถกระจายและส่งมอบให้โรงพยาบาลที่ขาดแคลนได้อย่างรวดเร็ว ทันต่อวิกฤตโควิด 19 ในปัจจุบัน ทั้งนี้ เครื่อง Chula HFNC ได้ผ่านการทดสอบมาตรฐานความปลอดภัยทางไฟฟ้าและการแผ่คลื่นสนามแม่เหล็กรบกวนเครื่องมืออื่น จากสถาบันไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงการผลิตนี้ได้มีการแจ้งให้กองควบคุมเครื่องมือแพทย์ และสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) รับทราบ ตามกฎหมายเครื่องมือแพทย์มาตรา 27(1) แล้ว….000

ธนัญธร รวงผึ้ง

Loading

ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมด้านพลังงาน BANPU, EGCO Group และ BLCP สานพลังความห่วงใย ใส่ใจต่อการแพร่ระบาด COVID-19 ส่งมอบอุปกรณ์ช่วยหายใจสำหรับผู้ป่วยวิกฤต ที่มีความต้องการสูงในพื้นที่จังหวัดระยองอย่างต่อเนื่อง

      เมื่อวันที่ 2 กันยายน   นายยุทธนา เจริญวงศ์ กรรมการผู้จัดการ เป็นผู้แทนบริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) และบริษัท บีแอลซีพี เพาเวอร์ จำกัด ซึ่งเป็นผู้ประกอบการอุตสาหกรรมด้านพลังงาน ร่วมส่งมอบเครื่องให้ออกซิเจนอัตราการไหลสูง จำนวน 4 เครื่อง และเครื่องผลิตออกซิเจนทางการแพทย์ขนาด 5 ลิตร จำนวน 4 เครื่อง ให้กับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดระยอง มูลค่ารวมทั้งสิ้น 800,000 บาท โดย รองผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง (นายอนันต์ นาคนิยม) และนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดระยอง (นายแพทย์สุนทร เหรียญภูมิการกิจ) ให้เกียรติรับมอบอุปกรณ์ดังกล่าว

       โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อสนับสนุนการทำงานของหน่วยงานสาธารณสุข ด้วยการนำไปแจกจ่ายให้กับโรงพยาบาลหลัก โรงพยาบาลสนามในจังหวัดระยอง รองรับผู้ป่วย COVID-19 ระดับสีเหลือง (ผู้ป่วยที่มีความจำเป็นต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ) ต่อไป….0000

        ธนัญธร   รวงผึ้ง

Loading

จังหวัดระยอง ยืนยันการออกคำสั่งบังคับตรวจหาเชื้อโควิด-19 พนักงานในสถานประกอบการด้วยชุดตรวจหาเชื้อฯ แบบเร่งด่วน (ATK) ไม่เกี่ยวข้องกับการออกมาตรการ COVID-Free Setting ของ ศบค.ที่เป็นการขอความร่วมมือในการตรวจ

       เมื่อวันที่ 2 ก.ย.64 ตามที่ นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว ซึ่งเป็นผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง ได้นำเสนอข่าวกรณี  ได้นำเสนอข่าวกรณี นายชาญนะ เอี่ยมแสง ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง ได้ลงนามหนังสือคำสั่งลงวันที่ 1 กันยายน 2564 เรื่อง มาตรการเร่งด่วนในการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) (ฉบับที่ 22) มีราละเอียดคือ 1.กำหนดให้สถานประกอบการทุกประเภทดำเนินการสุ่มตรวจพนักงานทุกแผนกด้วยชุดตรวจหาเชื้อฯ แบบเร่งด่วน (ATK) ไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 ของจำนวนพนักงานทั้งหมด ทุกสัปดาห์ในเดือนแรกสำหรับเดือนต่อ ๆ ไป ให้สุ่มตรวจพนักงานทุกแผนกไม่น้อยกว่าร้อยละ 10 ของจำนวนพนักงานทั้งหมดในทุกสัปดาห์ เพื่อเป็นการเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของโรคในสถานประกอบการ 2. หากสถานประกอบการใดตรวจพบพนักงานทั้งหมดชุดตรวจหาเชื้อฯ แบบเร่งด่วน (ATK) ได้เต็มจำนวน หรือร้อยละ 100 ในสัปดาห์แรก สำหรับสัปดาห์ต่อ ๆ ไป ให้สุ่มตรวจพนักงานทุกแผนกไม่น้อยกว่าร้อยละ 10 ของจำนวนพนักงานทั้งหมดในทุกสัปดาห์ เพื่อเป็นการเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของโรคในสถานประกอบการ เป็นการตรวจ ATK ภาคบังคับสถานประกบอการที่จังหวัดระยอง ซึ่งสวนทางกับ ศบค.ที่มีการขอความร่วมมือก่อนไม่ได้มีการบังคับให้ตรวจนั้น ซึ่งเป็นความเข้าใจที่คาดเคลื่อนของการนำเสนอข่าว

       ทั้งนี้ จังหวัดระยองได้มีการออกคำสั่งในฉบับที่ 18 ลงวันที่ 20 กรกฎาคม 2564 ขอความร่วมมือให้สถานประกอบการตรวจหาเชื้อฯ ด้วย ATK ไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 ของพนักงานทั้งหมด จากนั้นมีการยกระดับความเข้มข้นการบังคับใช้ในคำสั่งฉบับที่ 22 ลงวันที่ 1 กันยายน 2564 ซึ่งเป็นมติที่ประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดระยอง เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2564 โดยได้หารือร่วมกับผู้แทนภาคเอกชนในการกำหนดมาตรการดังกล่าวแล้ว ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับการออกมาตรการ COVID-Free Setting ของ ศบค.ในช่วงเดือนกันยายนนี้แต่อย่างใด อย่างไรก็ตามจังหวัดระยองได้เร่งประชาสัมพันธ์มาตรการ COVID-Free Setting ให้ประชาชนรับทราบอย่างทั่วถึงแล้ว.

Loading

คลายล็อควันแรก ชาวระยอง เดินห้างฯ จับจ่ายซื้อของคึกคัก

เมื่อวันที่ 1 ก.ย.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลัก ศบค.ประกาศคลายล็อคจังหวัดพื้นที่สีแดงเข้ม 29 จังหวัด โดยเปิดกิจการบางกิจการให้ประกอบการได้ เช่น ร้านตัดผม-ร้านเสริมสวย ร้านอาหารนั่งรับประทานได้ 50 และ 75 เปอร์เซ็นต์ และห้างสรรพสินค้า สามารถเปิดให้ประชาชนเข้าจับจ่ายซื้อของได้ แต่ยังคงมาตรการเคฟิวส์ ห้ามออกนอกเคหะสถานตั้งแต่เวลา 21.00-04.00 น.ของวันรุ่งขึ้นเช่นเดิม ปรากฏว่า บรรยากาศคลายล็อควันแรก มีประชาชนชาวจังหวัดระยอง เดินทางไปจับจ่ายซื้อของจำนวนมาก โดยเฉพาะห้างสรรพสินค้าต่างๆ ในพื้นที่ แน่นขนัดไปด้วยประชาชนมาเลือกซื้อหาข้าวของเครื่องใช้กันอย่างคึกคัก หลังอัดอั้นมานาน

อย่างไรก็ตามทางห้างฯ ได้มีมาตรการป้องกันโควิด-19 ที่เข้มงวด ทั้งกำชับให้บรรดาร้านค้าภายในห้างฯ ได้มีมาตรการป้องกันโควิด-19 อย่างเคร่งครัดด้วย.

Loading

“แกงหมูชะมวง” เมนู Signature ของศูนย์การเรียนรู้อาหารถิ่นระยอง ร้านใบชะมวง  ยังคงสามารถลิ้มชิมรสเมนูเด็ดนี้ได้  แม้จะอยู่ในช่วงสถานการณ์โควิด 19  โดยทางร้านมีบริการจัดส่งถึงบ้านทั่วประเทศด้วยบริการขนส่งควบคุมอุณหภูมิ

      ศูนย์การเรียนรู้อาหารถิ่นระยอง ร้านใบชะมวง เกิดขึ้นภายใต้ความร่วมมือระหว่าง GC และวิทยาลัยเทคนิคระยอง ภายใต้โครงการเชฟชุมชนชวนกินถิ่นระยอง (ฮิ) เพื่อการอนุรักษ์องค์ความรู้อาหารถิ่นระยองอย่างยั่งยืน และเป็นศูนย์ฝึกประสบการณ์วิชาชีพอาหารถิ่นระยอง และการทำธุรกิจร้านอาหารในรูปแบบการศึกษาทวิภาคี ให้กับนักเรียนนักศึกษาในระดับ ปวช. และปวส.  นอกจากเมนูหมูชะมวงแล้ว  ยัง มีเมนูเด็ดประจำร้านอีกหลายเมนู อาทิ เส้นแกลงผัดทะเล น้ำพริกไข่ปูกุ้งสะเออะ หมูทอดราดน้ำปลา และแกงหมูชะมวง

        ในช่วงสถานการณ์โควิด 19 ถึงแม้ร้านใบชะมวงจะปิดทำการ  และงดให้บริการรับประทานอาหารภายในร้าน   ก็ได้ปรับตัวรับสถานการณ์มาตลอด สุดท้ายก็มาลงตัวที่การเลือกเมนูเด็ดประจำร้าน “แกงหมูชะมวง” อาหารพื้นถิ่น แสนคุ้นเคยของชาวระยอง มาจัดทำเป็นเมนู Ready to eat เพียงแค่อุ่นไมโครเวฟ 6 นาทีก็พร้อมรับประทานแล้ว ซึ่งนอกจากรสชาติความอร่อยกลมกล่อมของน้ำแกงเข้มข้นหวานนำ และตัดเปรี้ยวจากใบชะมวง ผนวกกับหมูชิ้นโตที่เคี่ยวจนเปื่อยนุ่มละมุนลิ้นแล้ว แกงหมูชะมวงที่นี่ ยังใส่ใจเรื่องความสะอาด ปลอดภัย ไม่ใส่สารกันเสีย ปรุงสดใหม่ก่อนใส่กล่องแช่แข็ง ในขนาดจุใจ 500 กรัม นำส่งความอร่อยด้วยบริการขนส่งควบคุมอุณหภูมิถึงบ้านคุณอีกด้วย 

       สนใจสั่งมาลิ้มลองกันได้ผ่านทาง ศูนย์การเรียนรู้อาหารถิ่นระยอง ร้านใบชะมวง โทร 061-837-9991 หรือที่ Facebook ศูนย์การเรียนรู้อาหารถิ่นระยอง ร้านใบชะมวง วิทยาลัยเทคนิคระยอง (@baichamuang) ในราคากล่องละ 150 บาท จัดส่งแบบควบคุมอุณหภูมิทั่วประเทศ ค่าจัดส่งคิดตามระยะทาง หรือใครสะดวกก็สามารถแวะซื้อได้ที่ร้านเจ๊แตน ศูนย์รวมของฝากและอาหารแห้งเมืองระยอง ตลาดศูนย์การค้าสตาร์สาย 4 ได้เช่นกัน

 อิ่มท้องแล้วยังอิ่มใจด้วย เพราะรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายนำมาพัฒนาการศึกษา แผนกวิชาอาหารและโภชนาการ วิทยาลัยเทคนิคระยองต่อไป   เพราะจังหวัดระยองเป็นเหมือนบ้าน ร่วมด้วยช่วยกันเพื่อชุมชนเข้มแข็ง

 ติดตามโครงการดีๆ เพื่อชุมชนเข้มแข็งอื่นๆ ได้ที่  Line Official ใส่ใจ : @SaijaibyGC

#GCและชุมชนเข้มแข็ง 

#แกงหมูชะมวง

#GCใส่ใจ